ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน เผยผลสำรวจจาก Tech Research Asia (TRA) เกี่ยวกับเอดจ์ คอมพิวติ้งในเอเชีย-แปซิฟิก รายงานที่เพิ่งปล่อยออกมาชิ้นนี้ จัดทำขึ้นโดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ครอบคลุมถึงมุมมองเชิงลึกจากซีไอโอ 15 ราย และผู้นำด้านเทคโนโลยีจำนวน 1,100 ราย จากอุตสาหกรรมหลากหลายในเอเชีย-แปซิฟิกในปัจจุบัน เกี่ยวกับสภาพไอที การใช้งานเอดจ์ คอมพิวติ้งและความมุ่งหมาย รวมถึงคำชี้แนะสำหรับอนาคต รายงานดังกล่าวยังได้ชี้ถึงมุมมองเชิงลึกด้านเอดจ์ คอมพิวติ้งในภาคอุตสาหกรรม 5 ประเภทในมิติที่ลึกลงไปอีก
“องค์กรจำนวนมากทั่วเอเชีย-แปซิฟิกจะได้รับประสบการณ์จากประโยชน์ของเอดจ์ คอมพิวติ้ง ภายใน 5 ปีข้างหน้า” เทรเวอร์ คลาร์ก ผู้อำนวยการ TRA กล่าว “ในขณะที่ทุกคนกำลังใช้คำว่า “เอดจ์ (Edge)” แน่นอนว่าองค์กรเหล่านี้ยังจำเป็นต้องมีไซต์เอดจ์และศักยภาพต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จ” เทรเวอร์ กล่าว
การสำรวจประกอบด้วยการวิจัยในแนวกว้างอย่างครอบคลุมและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ตอบแบบสำรวจครอบคลุมอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยผู้ตอบสำรวจมาจากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย-แปซิฟิกไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และประเทศไทย
“รายงานจาก TRA แสดงให้เห็นถึงเหตุผลหลักที่ผู้นำไอทีนำเอดจ์ คอมพิวติ้ง มาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องของแบนด์วิดธ์ (Bandwidth) และความล่าช้า การนำเสนอครั้งนี้ยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นต่อไปว่า ประโยชน์สำคัญของเอดจ์คือการนำมาใช้ในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน” เบนนัวต์ ดูบาร์เล รองประธานอาวุโส เอเชียตะวันออกและญี่ปุ่น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว
เอดจ์ คอมพิวติ้ง ให้ประโยชน์มากมาย รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีและการดำเนินการ
รายงานเผยว่า 72% ของผู้ตอบแบบสำรวจที่ใช้เอดจ์ คอมพิวติ้งเห็นถึงประโยชน์ในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายด้านไอที ตามด้วยค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินการ (46%) และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า (34%) ในแง่ของอุตสาหกรรมที่มีอัตราการนำมาใช้งานสูงสุดคือภาคการศึกษา ที่มาเป็นอันดับต้น โดย 68% ขององค์กรที่ร่วมการสำรวจมีการนำเอดจ์มาใช้ ทั้งนี้ องค์ประกอบอย่างการระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกและโมเดลการเรียนรู้แบบใหม่ ทำให้การประสานความร่วมมือและการแบ่งปันทรัพยากรระหว่างสถาบันกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น
เช่นเดียวกันกับจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้รับการสำรวจที่อยู่ในอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ได้มีการนำเอดจ์ คอมพิวติ้ง มาใช้ โดย 80% เป็นผู้ใช้ปัจจุบันที่ใช้บริการคลาวด์บางประเภทการวิจัยได้ชี้แนะถึงเหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือการแก้ปัญหาในเรื่องของแบนด์วิดธ์และความล่าช้า การตอบโจทย์เรื่องสัญญาผูกมัดด้านความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องค่าใช้จ่าย โดย 63% ขององค์กรในภาคบริการด้านการเงินในเอเชีย-แปซิฟิกนำเอดจ์ คอมพิวติ้ง มาใช้ เทียบกับ 22% ของผู้ตอบแบบสำรวจที่กล่าวว่าจะย้ายเวิร์กโหลดทุกอย่างไปไว้บนคลาวด์ แสดงให้เห็นถึง
ความพอใจในการใช้เอดจ์
สถานภาพปัจจุบันของไอทีในเอเชีย-แปซิฟิก
การวิจัยได้เน้นที่ประเด็นหลัก 2-3 ประการ เกี่ยวกับสถานภาพปัจจุบันของกลยุทธ์ด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานในทั่วทั้ง 10 ประเทศโดยผลการศึกษามีดังต่อไปนี้
- ระบบไอทีแบบไฮบริด กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน โดย 51% ของผู้ตอบแบบสำรวจชี้ว่า องค์กรตนจะมีระบบโครงสร้างผสมผสานระหว่างคลาวด์กับ On-Premises ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าการจัดทำแผนงานด้านเวิร์กโหลดนับเป็นแนวทางหลักในการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย-แปซิฟิกในปัจจุบัน บรรดาธุรกิจจึงไม่ต้องปฏิบัติตามแนวคิด “Cloud First” ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอีกต่อไป
- มีการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กรและโคโลเคชันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 21% วางแผนว่าจะมีการนำระบบโครงสร้างใหม่มาใช้
- 95% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่ามีการใช้ซอฟต์แวร์เชิงการบริการหรือ (SaaS) อยู่แล้วในปัจจุบัน จำนวนเปอร์เซ็นต์ในระดับนี้จะยังคงที่ แม้ว่า TRA คาดว่าการเติบโตของ SaaS จะดำเนินไปอย่างสอดคล้องตามองค์กรที่ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ
สรุปประเด็นหลักจากรายงานเกี่ยวกับการใช้เอดจ์ คอมพิวติ้ง
ในแง่ของการใช้งานในตลาด 28% ของผู้นำทั่วเอเชีย-แปซิฟิกกำลังนำเอดจ์ คอมพิวติ้ง มาใช้ในหลายไซต์ โดยมีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 38% ภายใน 24 เดือนข้างหน้า ประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 7 ไซต์ เป็น 11 ไซต์
กรณีการใช้งานเอดจ์ คอมพิวติ้ง หลักๆ ได้แก่
- สร้างประสบการณ์ของลูกค้า ในการใช้ไซต์เอดจ์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลและแอปฯ ได้รวดเร็วขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น
- สร้างประสบการณ์ของพนักงาน ช่วยลดความล่าช้าและช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น โดยเป็นไปได้ว่าจะมาจากประสบการณ์และฟังก์ชันการทำงานใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย
IoT - การดูแลสอดส่อง ช่วยให้การซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ทำได้ในเชิงรุก พร้อมตรวจสอบสมรรถนะของอาคารและสินทรัพย์ต่างๆ อีกทั้งช่วยให้มั่นใจเรื่องการตรวจสอบความปลอดภัยของกล้อง CCTV
โดยในภาพรวม ผู้ที่นำเอดจ์ คอมพิวติ้ง มาใช้เป็นรายแรกๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก ปกติจะเห็นว่ามีค่าใช้จ่ายลดลงทั้งด้านไอทีและการดำเนินงาน โดยเป็นผลมาจากการปรับปรุงการดำเนินงานทั่วธุรกิจได้ดีขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10%
ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มที่จัดทำโดย TRA ได้ที่ The Edge in Asia Pacific : Research Findings
|
Source: นิตยสาร Electricity & Industry Magazine ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 มกราคม-กุมภาพันธ์ 2563
คอลัมน์ IT Article โดย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค