บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับ “Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment Score 2023” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เป็นปีที่ 9 ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ จาก S&P Global Sustainability Yearbook 2024 โดย S&P Global
บัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับ “Top 1% S&P Global Corporate Sustainability Assessment Score 2023” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เป็นปีที่ 9 ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ จาก S&P Global Sustainability Yearbook 2024 โดย S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ซึ่งรางวัลนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าไทยออยล์ดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามหลักการ ESG (Environment, Social, and Governance) เพื่อมุ่งมั่นสร้างการเติบโตและสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน ให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน”
“เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ไทยออยล์ยังได้คะแนนประเมินสูงสุดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นปีที่ 8 ในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซ จากการประเมินผล Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) และได้รับการรับรองเป็นสมาชิกของ DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 โดย S&P Global อีกด้วย” บัณฑิต กล่าวเสริม
ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด และธุรกิจ New S-Curve