ไทยออยล์ มุ่งสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่ ด้วยแนวคิด Top for The Great Future


ไทยออยล์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจการ กลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มี ประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรล ต่อวัน

ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมี และ ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top Quartile) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางเรือและทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับ การผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจบริการจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันปิโตรเลียม และ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่ม ไทยออยล์

บัณฑิต ธรรมประจำจิต
บัณฑิต ธรรมประจำจิต

บัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง CEO คนใหม่ของ ไทยออยล์ จะสานต่อวิสัยทัศน์ใหม่ “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน” พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวคิด “TOP for The Great Future” มุ่งทรานสฟอร์มธุรกิจเพื่อ สร้างอนาคตที่ยิ่งใหญ่ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของผู้บริโภค และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

โดยมีภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการ คือ สานต่อการทรานสฟอร์มธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ตามเส้นทางยุทธศาสตร์หลัก 3V คือ

  1. Value Maximization ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเลียมไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ มูลค่าสูง (HVP)
  2. Value Enhancement เสริมความแข็งแกร่งในประเทศ ขยายตลาดและกระจาย ผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค รองรับการเติบโตของธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ ในอนาคต รวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น
  3. Value Diversification ลงทุนใน ธุรกิจใหม่ๆ ที่มีมูลค่าสูง (HVB) และธุรกิจ New S-Curve อื่น ให้สอดคล้องต่อแนวโน้มการ เปลี่ยนแปลงของโลก

ยังได้เสนอแนวคิด “TOP for The Great Future” ขับเคลื่อนธุรกิจให้มั่นใจว่า ไทยออยล์จะบรรลุวิสัยทัศน์และเป้าหมาย ใหม่ที่ตั้งไว้ได้อย่างสำเร็จ โดยคำว่า “TOP” มาจาก

T-Transformation ทรานสฟอร์ม ธุรกิจในทุกมิติ ให้มั่นใจว่าองค์กรพร้อม ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายใหม่ สร้างธุรกิจ กลุ่มไทยออยล์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย การมุ่งไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงและ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มศักยภาพความ สามารถของพนักงานให้รองรับการดำเนิน ธุรกิจใหม่ๆ พร้อมทั้งยกระดับนวัตกรรม มุ่งเน้นการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของ โลก และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ ให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

O-Operational to Business Excellence ยกระดับการทำงานปัจจุบันจาก Operational Excellence ไปสู่ Business Excellence สร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนโดย ระบบงานระดับ World Class ด้วยเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยและทีมงานมืออาชีพสู่ความ เป็นเลิศทางธุรกิจ

P-Partnership & Platform สร้าง การเติบโตด้วยแนวทางความร่วมมือกับ พันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจร่วมกัน รวมถึงใช้ประโยชน์สูงสุดจากแพล็ตฟอร์ม ต่างๆ ที่มีอยู่ให้เข้าถึงธุรกิจใหม่ๆ และเพิ่ม ประสิทธิภาพในการสนับสนุนการขยาย ธุรกิจในอนาคต

ไทยออยล์

มีการปรับเป้าหมายธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ใน พ.ศ. 2573 สัดส่วนกำไรจากธุรกิจ ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอยู่ที่ 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ที่ต่อยอดจากปิโตรเคมี 30% ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจใหม่ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 5% จากปัจจุบันสัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง 80% ธุรกิจ ที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจใหม่ 10% และธุรกิจไฟฟ้า 10%

ทั้งนี้ แผนการขับเคลื่อนธุรกิจ พ.ศ. 2566-2573 จะแบ่งเป็นช่วง พ.ศ. 2566-2568 ตั้งงบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงทุนในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 (CAP2) กับบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ในประเทศ อินโดนีเซีย ส่วนที่เหลือใช้สำหรับการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพโครงการในประเทศ อินเดียและอินโดนีเซีย

ใน พ.ศ. 2566 คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ลงทุน ในโครงการ CFP ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาส 1 พ.ศ. 2568 โดยจะเร่งการก่อสร้าง บางหน่วยให้เสร็จก่อนกำหนด คาดว่าหน่วยผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 จะแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 1 พ.ศ. 2567 และเมื่อโครงการแล้วเสร็จทั้งหมดจะมีกำลังการกลั่นน้ำมัน เป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบัน 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทำให้ขีดความ สามารถในการแข่งขันของไทยออยล์ดีขึ้น เนื่องจากจะไม่มีการกลั่นผลิตภัณฑ์น้ำมัน เบนซินเพิ่มขึ้น แต่จะมีการกลั่นน้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน และวัตถุดิบปิโตรเคมี (Feed Stock) เพิ่มขึ้น และไม่มีการผลิตน้ำมันเตาในระบบ รวมทั้งจะสามารถนำ น้ำมันดิบหนัก (Heavy Crude) ซึ่งมีราคาถูกเข้ามากลั่นในโรงกลั่นได้ จะทำให้ต้นทุน การกลั่นลดลงมาก ส่งผลให้ค่าการกลั่น (GRM) เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบันอยู่ที่ 4-5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปีนี้จะเป็นปีที่สำคัญของไทยออยล์ที่จะเห็นทิศทางการลงทุนและการเจรจาธุรกิจ มากขึ้น รวมทั้งเดินหน้าความร่วมมือกับกลุ่ม ปตท. และพันธมิตรอื่นๆ ทั้งการศึกษา เรื่องน้ำมันเครื่องบินชีวภาพ (Bio Jet) ที่มี MOU กับกลุ่ม ปตท. โดยใช้น้ำมันพืชใช้แล้ว เป็นวัตถุดิบ หากมีความคุ้มค่าการลงทุนก็จะตั้งโรงงานขึ้น
ด้าน Bio Chem & Bio Plastic ก็กำลังศึกษาการทำ Bio LAB ซึ่งเป็นสารตั้งต้น ในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากนี้ ยังศึกษาเรื่องของไฮโดรเจน การดักจับ กักเก็บ และ ใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) โดยจะใช้ Blue หรือ Green Hydrogen ซึ่งได้ร่วมลงทุนกับ Start Up ทำ Renewable Hydrogen และมีการลงทุนในกองทุน ร่วมลงทุน (CVC) ซึ่งลงทุนไปแล้ว 3 กองทุน จำนวน 6 Start Up ผลิตน้ำผลไม้ที่มี น้ำตาลต่ำ เข็มไบโอให้ยาทางผิวหนัง

นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนในส่วนของการขยายตลาดในประเทศไปสู่ภูมิภาค โดยมีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ของ TOP Solvent ที่มีฐาน การตลาดอยู่แล้วเป็น TOP NXT ส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมัน น้ำมันหล่อลื่น สารละลาย และปิโตรเคมี ไปสู่ตลาดหลักใน 3 ประเทศ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย และในอนาคตจะขยายไปสู่ระดับโลกมากขึ้น

ส่วนช่วง พ.ศ. 2569-2573 จะเป็นปีที่ไทยออยล์เดินหน้าลงทุนในธุรกิจใหม่หลายธุรกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ เนื่องจาก เป็นช่วงปีที่จะมีรายได้เข้ามาเป็นจำนวนมากหลังจากที่โครงการ CFP แล้วเสร็จ โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจ Low Carbon, Health Care, Home Care

บัณฑิต กล่าวว่า ในปีนี้ความต้องการ ใช้น้ำมันในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโต 4-5% จาก พ.ศ. 2565 เนื่องจากคาดการณ์ เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเน่ือง โดยเฉพาะความต้องการน้ำมันอากาศยาน จะปรับสูงขึ้น 50-60% จากภาคการท่องเที่ยว ที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังการเปิดประเทศของ จีน

ไทยออยล์

ในปีนี้จึงมีแผนจะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตขึ้นไปเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 เนื่องจากปีนี้ไม่มีแผนการปิดซ่อมบำรุงใหญ่และค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับที่ด โดยค่าการกลั่นสิงคโปร์ล่าสุดอยู่ที่ 7-9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ค่าการกลั่น เฉลี่ยปีก่อนสูงถึง 10.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นปีที่สูงผิดปกติ ทำให้ในปีนี้ คาดการณ์รายได้ทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท เนื่องจากปีก่อนราคาน้ำมันและค่าการกลั่นสูงผิดปกติ แต่ในปีนี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เหมือนช่วงก่อนเกิดโควิด-19

ส่วนกรณีบางจากเข้าซื้อกิจการของเอสโซ่ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ของไทยออยล์ เพราะลูกค้าของไทยออยล์คือบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความผูกพันกับไทยออยล์ มานาน ประกอบกับน้ำมันเป็นตลาดเสรี การค้าขายขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและความ ต้องการขายในตลาด มากกว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

ส่วนการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ของไทยเร็วๆ นี้ ต้องการให้นโยบายด้านพลังงาน มีความต่อเนื่องไม่ปรับเปลี่ยนจนส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงาน เหมือนในอดีตเคยมีนโยบายส่งเสริมการขายน้ำมันกลุ่มเอทานอลและไบโอดีเซล แต่เม่ือเปลี่ยนรัฐบาลก็มีการกำหนดนโยบายใหม่ และนโยบายเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า ก็อยากให้คงไว้เหมือนเดิม หากมีการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อแผนการลงทุนของ ผู้ประกอบการ


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save