สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เร่งปั้นสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยสู่ตลาดโลก หลังปีที่ผ่านมานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2566 จะมีโอกาสเติบโตสูงขึ้นทั้งส่วนการผลิตรถยนต์และยอดจำหน่าย นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้ การพัฒนารูปแบบยานพาหนะ เช่น ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า เรือ – รถโดยสารสาธารณะ สถานีชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า โฮมชาร์จเจอร์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเผยถึงตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA นั่นคือ “MUVMI” รถตุ๊กตุ๊กพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้บริการผู้โดยสารแล้วกว่า 2 ล้านเที่ยวเดินทาง และมีแผนเพิ่มจำนวนรถอีก 1,000 คัน ซึ่งทั้งหมดมีการใช้งานจริงในเขตเมืองและหัวเมืองท่องเที่ยว
![](https://www.electricityandindustry.com/wp-content/uploads/2023/01/vichien-e1673835959847.jpg)
วิเชียร สุขสร้อย รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “หลายประเทศทั่วโลกตื่นตัวกับวิกฤตด้านพลังงานและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง จึงส่งผลให้ธุรกิจเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) เติบโตต่อเนื่องทั้งปริมาณการผลิตและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด สอดคล้องกับตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าจากรมการขนส่งทางบกที่พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2565 ประเทศไทยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งหมด 15,423 คัน ซึ่งมากกว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าย้อนหลังรวม 10 ปี (ปี 2555 – 2564) ที่มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 11,749 คัน
“สถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดย NIA คาดว่าในปี 2566 การเติบโตส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล เนื่องจากนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ มาตรการภาษี ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว รวมถึงในภาคธุรกิจ เช่น การท่องเที่ยว บริการเดลิเวอรี่อาหาร บริการสาธารณะ ฯลฯ ที่จะนำยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาอำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งช่วยให้นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่เข้าถึงได้ หรือค่าบริการที่ถูกลง การพัฒนารูปแบบยานพาหนะไฟฟ้าที่ไม่จำกัดแค่เพียงรถยนต์นั่ง เช่น ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า เรือ – รถโดยสารสาธารณะ ตลอดจนกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า โฮมชาร์จเจอร์ การบริหารจัดการการจ่ายกระแสไฟฟ้าของแบตเตอรี่ แอปพลิเคชันบริการรถรับส่งที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน”
วิเชียร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหรรมด้านพลังงานสะอาด และกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง NIA จึงได้เลือกให้เป็นสาขาที่อยู่ภายใต้โครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation) จากทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ 1) อาหารมูลค่าสูงสำหรับส่งออก 2) ความมั่นคงทางอาหาร 3) เศรษฐกิจการหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ 4) พลังงานสะอาด 5) ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีโลกเสมือน หรือ ARI Tech และ 6) กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง โดยจะสนับสนุน “เงินทุนให้เปล่า” วงเงินสูงสุดไม่เกินโครงการละ 5 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมและทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานนวัตกรรมในสภาพแวดล้อมจริง โดยต้องมีความเป็นนวัตกรรมระดับประเทศ และสามารถสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจได้ ซึ่งจากการเปิดรับข้อเสนอโครงการในปีที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมให้ความสนใจขอรับการสนับสนุนกว่า 236 ราย จาก 6 สาขา แต่แบ่งเป็นสาขาพลังงานสะอาด 18 ราย สาขากลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง 49 ราย นอกจากนี้ NIA ยังพร้อมจะช่วยสร้างโอกาสและเชื่อมโยงนวัตกรรมดังกล่าวไปสู่ตลาดที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว การคมนาคม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า การระดมทุน ฯลฯ เพื่อให้เกิดการเติบโตในระดับที่สูงขึ้นและยั่งยืน ดังเช่น โครงการสามล้อไฟฟ้าเดลิเวอรี่ (บริษัท บิซ เน็กซ์ มอเตอร์ จำกัด) บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี (บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด) และโครงการเรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (ห้างหุ้นส่วนจำกัด นาวาเลียน คอมโพสิท) เป็นต้น ตลอดจนช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศในฐานะ “ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ในภูมิภาค” อีกด้วย
![](https://www.electricityandindustry.com/wp-content/uploads/2023/01/krisada-e1673836017500.jpg)
ด้าน ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ กรรมการผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด และผู้ก่อตั้งธุรกิจให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมี กล่าวว่า “ปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่สามารถแก้ไขได้จากการใช้ขนส่งมวลชน นี่คือโจทย์ที่ทำให้มูฟมีได้ผลิตรถตุ๊กตุ๊กขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% ที่มีระบบควบคุมการขับขี่แบบ In Car Application ทำให้ทุกการเดินทางปลอดภัย สะดวกสบาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีท่อไอเสียจึงช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเครื่องยนต์ หรือ PM 2.5 ปัจจุบันมูฟมี มีรถตุ๊กตุ๊กแบบ EV จำนวน 250 คัน ให้บริการรับ – ส่งผู้โดยสารตามแนวรถไฟฟ้า เข้าซอยหรือไปบริเวณใกล้เคียง ครอบคลุมพื้นที่ 10 ย่านทั่วกรุงเทพ เช่น ย่านจุฬาลงกรณ์-สยาม ย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ เกาะรัตนโกสินทร์ บางซื่อ ชิดลม-ลุมพินี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นต้น โดยมีจุดเด่นคือเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ สามารถแชร์เส้นทางร่วมกับคนอื่นได้ด้วยบริการในระบบ Ride Sharing เดินทางไปไหนก็ง่าย ใช้ได้ทุกวัน ราคาย่อมเยาคิดตามระยะทางจริง เริ่มต้นที่ 10 บาท ตลอดระยะเวลา 5 ปี ได้ให้บริการผู้โดยสารแล้วกว่า 2 ล้านเที่ยวเดินทาง
“มูฟมีเข้าใจดีว่าความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาวจะเกิดได้ยากหากต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากคนอื่นตลอดไป มูฟมีจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ทั้งการออกแบบตัวรถโดยสารที่จดสิทธิบัตรไปแล้ว และการออกแบบจุดชาร์จรถไฟฟ้าโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงโซลาร์ตรงเข้ารถ โดยมีสมองกลในรถคอยควบคุมกระแสไฟซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการจดลิขสิทธิ์ เพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ในปี 2566 นี้ มูฟมียังคงพัฒนาต่อไปไม่หยุดนิ่ง ทั้งในแง่บริการและการพัฒนาเทคโนโลยี โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนรถโดยสารเป็น 1,000 คัน พร้อมขยายโซนให้บริการใหม่เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุด เช่น สีลม-สาทร และรัชดา-พระราม 9 รวมถึงขยายการให้บริการไปยังหัวเมืองหลักๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ทั้งในส่วนของการให้บริการแบบ B2C และ B2B ซึ่งการดำเนินงานที่ตั้งไว้จะสำเร็จได้ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนมาช่วยขับเคลื่อนให้กลยุทธ์การขยายด้านบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น”