บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากล เผยกลยุทธ์ทางธุรกิจ ปี พ.ศ.2566-2568 เน้นบริหารสินทรัพย์อย่างเต็มศักยภาพ สร้างการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง และเร่งพอร์ตพลังงานสะอาดตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยเน้นประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและการบริหารจัดการต้นทุน สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงเพื่อต่อยอดในพอร์ตโฟลิโอพลังงานที่สะอาดขึ้น ลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ตามเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี พ.ศ.2568 และบริษัทฯได้เตรียมเงินลงทุนพลังงานเพื่ออนาคตไว้ที่ประมาณ 500-700 ล้านเหรียญสหรัฐ
กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) กล่าวว่า BPP ยังคงมองหาโอกาสในการขยายการเติบโตไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนอกเหนือจากการประสบความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I แล้ว BPP ยังพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติม เช่น ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มระบบกลาง (Energy Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า โดยเป็นการผนึกพลังร่วมภายในระบบนิเวศของ BPP ด้วยการใช้ความรู้และทรัพยากรภายในองค์กร และข้อได้เปรียบในการบริหารจุดคุ้มทุนและกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจไฟฟ้าที่ครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน
สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานที่ดำเนินการโดยบ้านปู เน็กซ์ บริษัทฯ เน้นการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ส่งเสริมศักยภาพและการเติบโต รวมถึงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (New S-curve) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้สัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท ดูราเพาเวอร์ โฮลดิ้งส์ จํากัด (Durapower) จากร้อยละ 47.68 เป็น ร้อยละ 65.10 ด้วยเงินลงทุน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
ในส่วนภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี พ.ศ. 2565 BPP มีกำไรสุทธิ จำนวน 5,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 84 จากปี พ.ศ.2564 โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 9,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 162 จากปีพ.ศ.2564 เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่สามารถขายไฟฟ้าในปริมาณและราคาที่ดี และการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้า HPC และโรงไฟฟ้า BLCP มีความสามารถในการรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี โดยมีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงถึงร้อยละ 86 และร้อยละ 87 ตามลำดับ ส่งผลให้ BPP มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง พร้อมต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ BPP เดินหน้าสร้างการเติบโตขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง “Triple E” ได้แก่ 1. Ecosystem: มุ่งสร้างเมกะวัตต์คุณภาพด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจทั้งจากพลังงานความร้อน (Thermal Power Business) พลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) และเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) 2. Excellence: รักษาเสถียรภาพการผลิตควบคู่ไปกับประสิทธิภาพความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) และเน้นการสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดที่มีการเติบโตและมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และ 3. ESG: ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับหลักความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ สู่เป้าหมายในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ.2568 ซึ่งปัจจุบันกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯผลิตได้ 3,300 เมกะวัตต์ ยังขาดอีก 2,000 เมกะวัตต์เท่านั้น สำหรับการการลงทุนพลังงานเพื่ออนาคตนั้นบริษัทฯได้เตรียมงบประมาณการลงทุนไว้ใน 3 ปี ระหว่างปี พ.ศ.2566-2568 ประมาณ 500-700 ล้านเหรียญสหรัฐโดยเงินทุนมาจากเงินของบริษัทฯเองที่มีอยู่และการขอกู้จากสถาบันการเงิน