เอสซีจี รุกเข้าสู่ 3 ธุรกิจใหม่ เดินหน้าเต็มกำลัง


เอสซีจี ได้รุกเข้าสู่ 3 ธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูงและตอบโจทย์เมกะเทรนด์ของโลก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 2.ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียน 3. ธุรกิจ Smart Living ยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวก คุ้มค่า ปลอดภัย รักษ์โลก  โดยมุ่งลดต้นทุน เร่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนโดยใช้พลังงานชีวมวล จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) ทดแทนพลังงานฟอสซิล โดยช่วง 9 เดือนของปีนี้

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า  เอสซีจี ได้รุกเข้าสู่ 3 ธุรกิจใหม่ 1.ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เอสซีจีมีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนเพิ่มขึ้นเป็น 34% จาก 18% ในช่วงเดียวกันปีก่อน และพลังงานแสงอาทิตย์ 195 เมกะวัตต์ อีกทั้งต่อยอดเป็นธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรสำหรับตลาดที่อยู่อาศัย โรงงานและนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ SCG Solar Roof Solutions และบริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี จำกัด และพัฒนาระบบซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์ม Smart grid มีฐานลูกค้าชั้นนำครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชน

ล่าสุด SCGC ร่วมลงทุนกับบริษัท Denka ประเทศญี่ปุ่น ผลิตอะเซทิลีนแบล็ค ใช้เป็นส่วนประกอบในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และใช้เป็นวัสดุสำหรับผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง

2.ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียน ควบรวมธุรกิจโลจิสติกส์กับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งบริการคลังสินค้า ระบบห้องเย็น บริการขนส่งสินค้าทางบก เรือ อากาศ บริการท่าเทียบเรือ และบริการนำเข้า-ส่งออก ครบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ

3. ธุรกิจ Smart Living ยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวก คุ้มค่า ปลอดภัย รักษ์โลก ได้แก่ นวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพอากาศและประหยัดพลังงาน อาทิ SCG Active Air Quality, SCG Bi-Ion และ SCG HVAC Air Scrubber โซลูชันจัดการคุณภาพอากาศ กำจัดเชื้อโรค และลดการใช้พลังงานในอาคาร ขณะนี้ได้ติดตั้งแล้วที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาล อาทิ ศิริราช ราชวิถี ราชพิพัฒน์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้างสรรพสินค้า อาทิ เทอร์มินอล 21 พัทยา เซ็นทรัล อยุธยา อาคารสำนักงาน อาทิ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ Kloud by Kbank และสถาบันการศึกษา อาทิ โรงเรียนเซนต์ดอมินิก

นอกจากนี้ยังมี Trinity IOT Ecosystem เทคโนโลยีควบคุมการเปิด-ปิดนวัตกรรมในบ้านอัจฉริยะ และ Wellness Home Hub เทคโนโลยีวัดค่าสุขภาพของผู้อาศัยในบ้าน หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะแจ้งเตือนไปยังโรงพยาบาลได้ทันที

นอกจากนี้ SCGC ลงทุนซื้อหุ้น 70% ในบริษัทซีพลาสต์ ประเทศโปรตุเกส ขยายกำลังการผลิตพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง SCGC Green Polymer ป้อนตลาดยุโรปและแอฟริกา และ SCGP ได้ขยายการลงทุนสู่ตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูง ประเทศสเปน ส่งออกครอบคลุมตลาดทั้งโลก ทั้งยังขยายกิจการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีความต้องการสูงและตอบเทรนด์รักษ์โลก ได้แก่ Peute Recycling B’V’ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Jordan Trading Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 142,391 ล้านบาท ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามความต้องการของตลาดที่ลดลง สืบเนื่องจากวัฏจักรขาลงของธุรกิจเคมิคอลส์ และมีกำไรสุทธิ 2,444 ล้านบาท ลดลง 75% จากไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับลดลง ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น และไตรมาสก่อนมีรายได้จากเงินปันผลรับ ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 8% สาเหตุหลักจากธุรกิจซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจแพคเกจจิ้งมีราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาด ขณะที่กำไรสำหรับงวดลดลง 64% เนื่องจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2565 มีรายได้จากการขาย 447,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 21,225 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

“ผลประกองการไตรมาส 3 ปีนี้ ได้รับผลกระทบอย่างสูงจากวิกฤตต้นทุนพลังงานรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี เนื่องจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ต้นทุนพลังงานเอสซีจีเพิ่มขึ้นมาก รวมทั้งวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงต่ำสุดในรอบ 20 ปี นอกจากนั้น เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวจากการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นทั่วโลก ประกอบกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ยังทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว” นายรุ่งโรจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เอสซีจีมีความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตซ้อนวิกฤตครั้งนี้ โดยยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินอย่างแข็งแกร่งลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม ทบทวนการลงทุนและชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน มุ่งโครงการที่ผลตอบแทนเร็ว จากเดิมที่ตั้งเป้าตอนต้นปีนี้จะลงทุน 8 หมื่นล้านบาท ปรับลดลงเหลือ 55,000 ล้านบาท และในไตรมาส 3 ปี 2565 ได้ออกหุ้นกู้ทั้งกลุ่มรวม 35,000 ล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความเข้มแข็งทางการเงินให้มากยิ่งขึ้น


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save