เหตุผล 3 ประการที่ธุรกิจจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน


วิกฤตการณ์เชิงซ้อนที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมาได้นำไปสู่ความผันผวนของตลาดพลังงานทั่วโลกอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงอุปทานที่เชื่อถือได้ และก่อให้เกิดความขาดแคลนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นทั่วโลก สำหรับประเทศไทย สงครามในยูเครน ประกอบกับปัจจัยอื่น ๆ หลายอย่างได้ทำให้ราคาพลังงานพุ่งขึ้น 13% จาก 4.72 บาท เป็น 5.33 บาท ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 สิ่งนี้ผลักดันให้รัฐบาลเร่งเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ทางคุณนาโอยะ อิชิยานางิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิเซ็น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จึงได้มีการนำเสนอบทความเกี่ยวกับ เหตุผล 3 ประการที่ธุรกิจจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน

นอกเหนือจากความกังวลด้านความมั่นคงของประเทศแล้ว ความผันผวนของอุปทานทั่วโลกยังส่งผลเสียต่อธุรกิจในท้องถิ่น ขัดขวางความสามารถในการสร้างกำไรและความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต กำลังตื่นตัวกับความจำเป็นเร่งด่วนในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้เป็นทางเลือกทางธุรกิจที่ชาญฉลาด

ส่วนแบ่งของพลังงานทดแทนในสัดส่วนพลังงานทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 การลงทุนมีมูลค่าถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% จากปี 2564 และเพิ่มขึ้น 70% จากปี 2562 ในประเทศไทย อุปทานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 5 เท่าในทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 10% ของการใช้พลังงานของประเทศไทย แหล่งพลังงานมีตั้งแต่พลังงานแสงอาทิตย์และลมไปจนถึงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ถึงแม้ว่าจะมีความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากความหลากหลายด้านพลังงานก็ตาม แต่กลับมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขยายขนาดการใช้งานเพื่อให้เป็นไปตามแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่ตั้งเป้าหมายไว้ของประเทศไทยเพื่อที่จะผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 30% ของปริมาณการใช้ทั้งหมดภายในปี 2580

หนทางสว่าง: ศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทย

โชคดีที่ประเทศไทยมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคกลางและภาคเหนือของประเทศมีการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์สูง สภาพแวดล้อมดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่ในการติดตั้งขนาดใหญ่กว่าประเทศอื่น ๆ รวมทั้งญี่ปุ่นและไอร์แลนด์ จากข้อมูลของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รวมกันคิดเป็นประมาณ 14.3% ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของประเทศไทย เนื่องจากสามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งปีแม้ในช่วงฤดูมรสุม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พลังงานแสงอาทิตย์ได้กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่โดดเด่นของแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ ส่งผลให้ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา การจัดหาพลังงานจากโซลาร์เซลล์มีอัตราการเติบโตต่อปีที่ประมาณ 44% อย่างน่าประหลาดใจ การบรรจบกันของต้นทุนที่ลดลงและการขยายตัวแบบทวีคูณในการใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์นี้เกินกว่าแนวโน้มในอดีตใด ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคพลังงาน รวมถึงเชื้อเพลิงฟอสซิล แนวโน้มดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมที่จะมีบทบาทสำคัญในการท้าทายการแทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอิทธิพลมาอย่างยาวนาน

พลังงานแสงอาทิตย์ช่วยปูทางให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่าย

จากข้อมูลของ World Economic Forum ในปี 2563 พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดในโลก นอกจากนี้ ความสามารถในการผลิตพลังงานยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจและผู้บริโภคยังคงสามารถคาดการณ์ได้ในระยะยาว แม้ท่ามกลางความผันผวนของตลาด สำหรับธุรกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบจากต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานล่วงหน้า สัญญาซื้อไฟฟ้าสำหรับองค์กร (PPA) เป็นวิธีง่าย ๆ ในการเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยความร่วมมือดังกล่าว ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานเพียง 30% เป็นพลังงานแสงอาทิตย์ก็สามารถลดค่าไฟฟ้าได้มากถึง 10%

การประหยัดต้นทุนโดยประมาณจากโครงการ PPA พลังงานแสงอาทิตย์ ที่มา: ชิเซ็น อินเตอร์เนชั่นแนล

นับตั้งแต่ปี 2563 ชิเซ็น อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้สร้างและผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในญี่ปุ่น ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวและความเสี่ยงต่ำสำหรับองค์กรจำนวน 5 ฉบับในประเทศไทย โดยสามารถผลิตไฟฟ้ารวมกันได้มากกว่า 15.3 เมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานที่ต้องใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์โดยสารที่ใช้น้ำมันเกือบ 2,000 คันในหนึ่งปี ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานในประเทศไทย ชิเซ็นได้ช่วยเหลือธุรกิจรายใหญ่ เช่น บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี ในการเปลี่ยนการจัดหาพลังงานโดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน นอกเหนือจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบเดิมแล้ว ชิเซ็นกำลังสำรวจวิธีการรูปแบบใหม่ในการควบคุมศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทย และล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ เพื่อร่วมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำขนาดใหญ่ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 60 เมกะวัตต์

จากการที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการตามเป้าหมายการดำเนินการด้านสภาพอากาศอย่างจริงจัง พลังงานแสงอาทิตย์จึงเป็นแนวทางที่จะตอบสนองต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน การลงทุนของภาคเอกชนในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ของตนเองจะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ การกระจายแหล่งพลังงานทำให้บริษัทต่าง ๆ มีความยืดหยุ่นเมื่อเผชิญกับการหยุดชะงักของอุปทาน และทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีพลังงานโดยใช้รูปแบบการแข่งขันทางด้านราคาได้เป็นระยะเวลานานถึง 20 ปี สิ่งสำคัญที่สุด คือ พลังงานแสงอาทิตย์คือพลังงานแห่งอนาคต และมีราคาถูกกว่าไฟฟ้าที่ส่งถึงเราผ่านสายส่งมากขึ้นเรื่อย ๆ นับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดสำหรับธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save