สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) นำโดย ภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สดช. กล่าวระหว่างเปิดการจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) ประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) ในโครงการกระตุ้นระบบนิเวศ 5G ให้เกิดประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ ว่า การประชุมกลุ่มย่อยในครั้งนี้เพื่อระดมความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ประกอบการจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ระยะที่ 2 และ แนวทางการบริหารจัดการการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ในแต่ละภาคอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย
โดยแผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ระยะที่ 2 ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมมิติต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และระบบนิเวศ 5G ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการพัฒนาโครงข่าย 5G ประสิทธิภาพสูง ยุทธศาสตร์ที่ 2 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านเทคโนโลยี 5G ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างสังคมคุณภาพด้วยเทคโนโลยี 5G และยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาระบบนิเวศให้พร้อมต่อการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สดช. ได้มีการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำภาพอนาคตเชิงยุทธศาสตร์ (Future Scenario) และออกแบบแนวทาง มาตรการเชิงปฏิบัติ (Actionable Policy) โครงการขับเคลื่อนสำคัญ (Flagship Project) และกลไกการขับเคลื่อนร่วมกัน สำหรับการจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ของประเทศไทย ระยะที่ 2 และการจัดทำ (ร่าง) แนวทางการบริหารจัดการ การส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ในแต่ละภาคอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
“แผนปฏิบัติการว่าด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G มีความสอดคล้องกับการดำเนินงานของยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่เตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) พิจารณาในเดือนนี้” ภุชพงค์ กล่าว
สำหรับการประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) ดังกล่าวมีกำหนดจัดรวม 3 ครั้ง เพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม นำไปสู่เป้าหมายสร้างการกระตุ้นระบบนิเวศ 5G ให้เกิดประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลก