GGC และ บีไอจี บันทึกความร่วมมือยกระดับธุรกิจ บริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มบัญชีคาร์บอน


GGC ร่วมมือกับ บีไอจี เดินหน้ายกระดับการดำเนินธุรกิจด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas หรือ GHG) ให้ได้ร้อยละ 20 ในปี 2030 ตามกลยุทธ์ “The New Chapter of GGC to be the Sustainable Growth Business” และเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยหลักความยั่งยืน สร้างสมดุลระหว่าง สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ Environment, Social, Governance (ESG)

โครงการ “การพัฒนาแพลตฟอร์มบัญชีคาร์บอน” ระหว่าง GGC และ บีไอจี เป็นการร่วมมือครั้งสำคัญของบริษัทฯ ซึ่งเป็นประโยชน์ตั้งแต่การกำหนดและทบทวนกลยุทธ์องค์กร การปรับปรุง Portfolio ของผลิตภัณฑ์ รวมถึงทิศทางการดำเนินการธุรกิจใหม่ในอนาคตของ GGC และ บีไอจี ไปพร้อมกัน

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ “GGC” ร่วมกับ บีไอจี ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจและร่วมมือ โครงการ “การพัฒนาแพลตฟอร์มบัญชีคาร์บอน” เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความเข้าใจ ร่วมพัฒนาและนำแพลตฟอร์มไปใช้ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกขององค์กร จากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ภายใต้ความร่วมมือนี้ สามารถเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของบุคลากรของบริษัทฯ ในการจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม การกำหนดและทบทวนกลยุทธ์องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ รวมถึงทิศทางการดำเนินการธุรกิจใหม่ในอนาคตได้อย่างเป็นระบบและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

กฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า การร่วมมือระหว่าง GGC และ บีไอจี ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนองค์กรสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ความยั่งยืนถือเป็นบริบทใหม่ของประเทศไทยและเป็นบริบทของโลกที่มีความสำคัญ ซึ่งบทบาทหน้าที่อาจจะไม่ใช่ของบริษัทเอกชนใดบริษัทหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องบูรณาการร่วมกัน อาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วน เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน ก็จะทำให้เกิดการพัฒนาสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ร่วมกันเพิ่มศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศอย่างทั่วถึง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง GGC ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจด้วหลักความยั่งยืนพร้อมสร้างสมดุลระหว่าง สิ่งแวดล้อม สังคม ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ Environment Social Governance (ESG) มีการบริหารจัดการความยั่งยืนที่เข้มแข็ง โดยได้รับการรับรองการดำเนินงานอย่างยั่งยืนและตามมาตรฐานสากล เช่น CDP Climate ที่ได้ระดับ A- และในปีนี้ GGC ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนระดับโลกจาก – S&P Global Corporate Sustainability Assessment หรือ S&P Global CSA เป็นครั้งแรก โดยได้คะแนนอยู่ในลำดับที่ 5 ในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ จากทั้งหมด 355 บริษัทที่เข้ารับการประเมิน ตอกย้ำการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในระดับสากล ตามวิสัยทัศน์ “TO BE A LEADING GREEN CHEMICAL COMPANY BY CREATING SUSTAINABLE VALUE” หรือ “เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน”

ปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี เปิดเผยว่า “บีไอจี ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้าน Climate Technology และเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในภาคอุตสาหกรรมไทย โดยบีไอจีเป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนระดับโลก ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นเรื่องที่สำคัญและทุกคนต้องลงมือแก้ปัญหานี้ด้วยกันโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม บีไอจีมีกลยุทธ์ GENERATING A CLEANER FUTURE ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จึงมีการพัฒนาแพลตฟอร์มบัญชีคาร์บอน หรือ Carbon Accounting Platform เพื่อมอนิเตอร์การใช้และลดการปล่อยคาร์บอนฯ ในกระบวนการผลิต ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มบัญชีคาร์บอนดังกล่าวนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกทั้งสามารถนำไปวางแผนการลดการปล่อยคาร์บอนฯ จากกระบวนการผลิต และร่วมกันบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050”

บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นบริษัทแกนนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship Company) ของกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล โดยบริษัทฯมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำของผู้ผลิตโอลีโอเคมีในตลาดโลก พร้อมกับสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้กับภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย เมทิลเอสเทอร์ (B100) ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว มีกำลังการผลิต 500,000 ตันต่อปี แฟตตี้แอลกอฮอล์ ใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตเครื่องสำอาง สารลดแรงตึงผิว และเภสัชภัณฑ์ต่างๆ มีกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี และกลีเซอรีนบริสุทธิ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ใช้ในเครื่องสำอางและเภสัชภัณฑ์ มีกำลังการผลิต 51,000 ตันต่อปี โดยมีฐานการผลิตอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง และในพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น จังหวัดชลบุรี

บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) เป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ (Air Products and Chemicals, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทใน New York Stock Exchange (NYSE) และ US Fortune 500 โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) อย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปี ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ก๊าซอุตสาหกรรม นวัตกรรม เทคโนโลยีการใช้ก๊าซสำหรับทุกอุตสาหกรรม และเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจน กรีนแอมโมเนียรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน ด้วยเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.bigth.com หรือ www.airproducts.com


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save