ส.อ.ท. เข้าพบเศรษฐา เสนอ 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย


ส.อ.ท. เข้าพบเศรษฐา เสนอ 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

วันนี้ (ศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2566) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมคณะผู้บริหาร ส.อ.ท. เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือและนำเสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เศรษฐา ทวีสิน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งเน้นการดำเนินงานในทุกมิติเพื่อทำงานแบบบูรณาการ และพร้อมทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วประเทศ

เกรียงไกร เธียรนุกุล

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยังคงเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมไทย และพยายามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย สู่ความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นเรื่องของคลีน (Clean) กรีน (Green) และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เราได้นำเสนอข้อเสนอแนะแก่นายกรัฐมนตรี ที่ประกอบด้วยข้อเสนอแนะ 8 ข้อหลัก จาก 70 ข้อ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา 3 ด้าน คือ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน การขับเคลื่อน GDP ให้เติบโตมากขึ้น และความยั่งยืน ทั้งเรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ BCG” นายเกรียงไกร กล่าวเสริม

ที่ประชุม ส.อ.ท.

ในที่ประชุม ส.อ.ท. ได้เสนอแนะ 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ได้แก่

  1. การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อส่งเสริม Ease of Doing Business และเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • กำหนดให้การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) เป็นวาระแห่งชาติ โดยใช้กลไกผ่านวิธีการแก้ไขกฎหมายกลาง (Omnibus Laws) และ Regulatory Guillotine
  • บูรณาการในการออกกฎหมาย กฎระเบียบ และแนวทางปฏิบัติระหว่างหน่วยงานภาครัฐให้เกิดความชัดเจนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • รวมศูนย์บริการและขอรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ แบบ One Stop Service ณ จุดเดียว โดยเฉพาะการขออนุมัติอนุญาตประกอบกิจการ
  1. การพัฒนาบุคลากร เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งระบบ
  • การปรับอัตราค่าจ้างขั้นตํ่าควรเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ค่าจ้างไตรภาคี พิจารณาสอดคล้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ โดยให้ยึดข้อเสนอ/ข้อมูลจากคณะกรรมการไตรภาคีของแต่ละจังหวัดเป็นหลักในการพิจารณา
  • การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labour Productivity) พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานทั้ง Upskill/ Reskill/ Multi Skill/ Future Skill ให้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการและตลาดแรงงาน เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือ
  • ส่งเสริมให้จ่ายค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน (Pay by Skills) และเร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานครบทุกสาขาอาชีพ
  1. การบริหารจัดการด้านพลังงานทั้งระบบรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition)
  • เร่งพิจารณาทบทวนแผนพลังงานชาติ หรือ National Energy Plan (NEP) ฉบับใหม่
  • ลดภาระต้นทุนพลังงาน และค่าไฟฟ้า โดยบริหารจัดการ Reserve Capacity และทบทวนโครงสร้างพลังงานที่เกี่ยวข้องกับค่า Ft รวมถึงบริหารและจัดสรรก๊าซธรรมชาติให้เหมาะสม
  • เร่งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาพลังงาน (กรอ. พลังงาน)
  1. การส่งเสริมการส่งออก การค้า และสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve)
  • เร่งสร้างกลไกและแผนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ที่มีศักยภาพ รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีความต่อเนื่องและครอบคลุม Ecosystem ของอุตสาหกรรม
  • เร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) เช่น FTA ไทย – EU, ไทย – EFTA, ไทย – GCC, อาเซียน – แคนาดา, ไทย – US เป็นต้น
  • เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับสินค้า Made in Thailand (MiT) ให้ได้รับแต้มต่อเป็น 10% และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับภาคเอกชนให้สามารถนำยอดซื้อมาหักเป็นค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
  • ปกป้องสินค้าไทยโดยการควบคุมสินค้านำเข้าที่ไม่ได้คุณภาพ
  1. การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล
  • สนับสนุนการลงทุนพัฒนาไปสู่ Digital Transformation 4.0 เพื่อยกระดับขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมการผลิต และ SMEs ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
  • ขับเคลื่อนการสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (Innovation Driven Enterprise) รายอุตสาหกรรม และรายภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนวิจัยพัฒนา/วิเคราะห์ทดสอบ
  • ออกมาตรการส่งเสริมภาคเอกชนให้เกิดการซื้อสินค้าในบัญชีนวัตกรรม เพื่อขยายตลาดเข้าสู่ตลาดภาคเอกชน เช่น นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าในบัญชีนวัตกรรม มาหักเป็นค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
  1. การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) การบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า และการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
  • บูรณาการการบริหารจัดการนํ้าอย่างยั่งยืน เช่น เร่งรัดโครงการพัฒนาแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญ ลดการสูญเสียน้ำในอ่างเก็บน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพท่อส่งน้ำ (Water Grid) การจัดตั้งกองทุนน้ำ พัฒนาระบบชลประทาน เป็นต้น
  • เตรียมความพร้อมในการรับมือมาตรการ Climate Change เช่น จัดทำ Climate Fund, มาตรการส่งเสริมการลด GHG, จัดทำมาตรการ Emission Trading System (ETS), ขับเคลื่อนนโยบายพลังงาน 4D 1 E เป็นต้น
  • ผลักดันการดำเนินการอุตสาหกรรมสีเขียว และเพิ่มมูลค่าสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) โดยส่งเสริมการใช้ Circular Materials , การขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต หรือ Extended Producer Responsibility (EPR)
  1. การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs
  • ออกมาตรการการเงิน เสริมสภาพคล่อง SMEs เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่า (Soft Loan), มาตรการค้าประกันสินเชื่อเพื่อ SME, มาตรการพักดอกลดต้น เป็นต้น
  • ปรับอัตราภาษีสำหรับธุรกิจ SMEs เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs
  • ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ลด 5 % จากอัตราเดิม
  • จัดตั้งกองทุนเพิ่มผลิตภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับ SMEs เพื่อให้ SME นำเทคโนโลยี Automation & Robotic มาลดต้นทุนการผลิต และทดแทนกำลังแรงงานที่ขาดแคลน
  1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Logistics และพื้นที่สำหรับอุตสาหกรรม
  • แก้ไขปัญหาความแออัด ณ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง และเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในรูปแบบ Shift Mode (เรือ-ราง)
  • ยกระดับด่านชายแดนเป็นจุดผ่านแดนถาวร ได้แก่ จุดผ่อนปรนบ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุมยวน จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และระหว่างไทย – กัมพูชา ได้แก่ จุดผ่อนปรนการค้าบ้านซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
  • ปรับปรุงผังเมืองทั่วประเทศ ให้พื้นที่เกษตรกรรมสามารถรองรับอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy)

ส.อ.ท. เข้าพบเศรษฐา เสนอ 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

ระหว่างการหารือ นายเศรษฐา รับฟังข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้น โดยเน้นย้ำว่าปัญหาที่เราเจอขณะนี้อย่างหนักหน่วง คือ ปัญหาภัยแล้ง โดยต้องมีการบริหารจัดการน้ำรอบด้าน และอยากให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการและภาคเอกชน เดินหน้าจัดทำแผนการดำเนินงาน (Action plan) ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวที่ชัดเจน เนื่องจากเดือนเมษายนปี 2567 ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยก็จะประสบปัญหาภัยแล้งอีกครั้ง และสำหรับประเด็นอื่นๆ จะแบ่งการทำงานออกเป็นทีม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

ส.อ.ท. เข้าพบเศรษฐา เสนอ 8 แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save