บีซีพีจี ประกาศตั้งบริษัทย่อย BCPG USA Inc. พร้อมลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาจำนวน 2 โครงการ ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจสัญชาติอเมริกัน Advanced Power คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,972 ล้านบาท คาดว่าสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรภายในไตรมาสแรกของปี 2566 ทันที
นิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อย BCPG USA Inc และร่วมทุนกับบริษัท Advanced Power ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในรัฐโอไฮโอ ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี PJM ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯและครอบคลุมการขายไฟฟ้ากว่า 13 รัฐ ในสหรัฐอเมริกา โดยการลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ใช้เงินกว่า 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,972 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 151 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา BCPG USA Inc ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า จำนวน 2 โครงการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Carroll County Energy LLC (CCE) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 700 เมกะวัตต์ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 49.00 ของบริษัท AP-BCPG CCE Partners LLC ซึ่งจะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้า CCE ทางอ้อม ในสัดส่วนร้อยละ 8.88 คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบีซีพีจีเท่ากับ 61 เมกะวัตต์
2. โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ South Field Energy LLC (SFE) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,182 เมกะวัตต์ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 49.00 ของ AP-BCPG SFE Partners LLC ซึ่งจะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้า SFE ทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 7.78 คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบีซีพีจีเท่ากับ 90 เมกะวัตต์
“การเข้าลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ทั้งยังเล็งเห็นว่า โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbine หรือ CCGT เป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่นำเทคโนโลยีของระบบกังหันก๊าซมาใช้ร่วมกับระบบกังหันไอน้ำโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น โดยโครงการทั้งสองเป็นโครงการที่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงต่ำ เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งผลิต Shale Gas อีกทั้งมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงและมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีในการประมูลราคาขายไฟฟ้าในตลาดไฟฟ้าเสรี PJM ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในสหรัฐอเมริกาได้ โดยคาดว่าจะขายไฟได้ประมาณร้อยละ 90 ของกำลังการผลิต และที่สำคัญเป็นโรงไฟฟ้าที่สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะทำให้ บีซีพีจี รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นภายในไตรมาสแรก ของปี 2566” นิวัติ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับ Advanced Power เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนา และบริหารโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานทดแทนในหลายรูปแบบในสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์ในการพัฒนาโรงไฟฟ้ากว่า 16,000 เมกะวัตต์ และมีทรัพย์สินอยู่ภายใต้การบริหารกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Portfolio ของบีซีพีจีมีความสมดุลทั้งในด้านเทคโนโลยี และ ด้านภูมิศาสตร์ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาได้ในอนาคต
“บีซีพีจี ยังคงมีความมุ่งมั่นในการขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าของประชาชนอย่างเพียงพอ รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนให้กับโลกของเรา” นิวัติกล่าวทิ้งท้าย