บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (“AGE”) ประกาศผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 โชว์รายได้ 7,291.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 125.9 ล้านบาท แม้ยอดขายถ่านหิน-ราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง ขณะนี้บริษัทเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเดินเกมรุกธุรกิจยั่งยืน โดยจ่อเพิ่มขึ้นรถบรรทุก 25 คัน หวังรองรับงานให้บริการขนส่งโลจิสติกส์ สินค้าเกษตร – สินค้าอุตสาหกรรม ปรับเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินในปีนี้ อยู่ที่ 4 ล้านตัน
พนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) (“AGE”) ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติสก์แบบครบวงจร ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า รายงานผลการดำเนินงาน ประจำงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 7,291.3 ล้านบาท ลดลง 11.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (YoY) และมีกำไรสุทธิ 125.9 ล้านบาท ลดลง 80% (YoY) จากปริมาณการขายถ่านหินที่ปรับตัวลดลง และราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มียอดขายถ่านหินรวม 1.82 ล้านตัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายต่างประเทศปรับตัวลดลง
ส่วนของรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ งวด 6 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 973 ล้านบาท ลดลง 4% (YoY) ในขณะที่รายได้จากให้บริการกับกลุ่มลูกค้าภายนอก อยู่ที่ 309.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% (YoY) และรายได้จากการให้บริการกลุ่มบริษัทในเครือ AGE จำนวน 664 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 2,790.1 ล้านบาท ลดลง 38.7 % (YoY) โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 2,647.4 ล้านบาท ลดลง 39.8 % (YoY) รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่ 142.7 ล้านบาท ลดลง 7.9% (YoY) จึงส่งผลให้ไตรมาสดังกล่าวมีผลขาดทุนสุทธิ 170.4 ล้านบาท จากปริมาณการขายถ่านหินที่ลดลง และราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมของสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2566 ว่า คาดว่าผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3/66 จะทยอยปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นทั้งใน และต่างประเทศ และราคาถ่านหินที่เริ่มปรับตัวในระดับที่ทรงตัว โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ราคาถ่านหินมีการปรับตัวที่ผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางชะลอตัว และราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ AGE จึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ทั้งการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า ต้นทุนการขนส่งและการบริหารการจัดการสินค้าคงคลัง
จากการประเมินผลประกอบการ และสภาวะอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ พิจารณาปรับเป้าปริมาณการขายถ่านหินมาอยู่ที่ 4 ล้านตัน และมีแผนลงทุนในรถบรรทุกเพิ่มจำนวน 25 พ่วง ซึ่งปัจจุบันมีรถบรรทุก 104 พ่วง เพื่อรองรับงานให้บริการขนส่งโลจิสติกส์ทั้งสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้
ขณะที่ธุรกิจลิสซิ่ง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการ “เถ้าแก่น้อย” อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้มีการปล่อยสินเชื่อ เฟส 3 ให้กับพนักงานขับรถ 3 ราย ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ภายใต้การบริหารจัดการโดย บริษัท เอจีอี ลิสซิ่ง จำกัด บริษัทย่อยของ AGE โดยปัจจุบันมีพนักงานเข้าร่วมโครงการฯ รวมแล้ว 19 ราย
นอกจากนี้ นายพนม ยังได้กล่าวถึงการเข้าลงทุนใน บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดการถือหุ้นที่ 23.45% ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของ QTC หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 320.80 ล้านบาทว่า การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เป็นการเริ่มการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ นอกเหนือจากการเติบโตจากการลงทุนเดิม โดยบริษัทคาดหวังว่าการเข้าลงทุนใน QTC เร่งพัฒนาความยั่งยืนของพอร์ตการลงทุนของบริษัทในระยะยาว ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นการลุงทุนใน 3 กลุ่มหลักเช่น 1. ระบบขนส่งโลจิสติกส์ครบวงจร 2. พลังงานทดแทน และ 3. การลงทุนในธุรกิจยั่งยืนอื่นๆ โดย QTC ประกอบธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมไฟฟ้าซึ่งมีการเติบโตในระดับที่สูง ซึ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในปัจจุบัน QTC มีธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ 1. หม้อแปลงไฟฟ้า 2. การลงทุนในบริษัท คิวโซลาร์ 1 จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 8.6 MW และ 3. ธุรกิจขายแผงโซลาร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง