“บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร” ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คนที่ 15 ผู้ว่าการ กฟผ. คนใหม่ ยึดหลัก “ยืดหยุ่น ทันการณ์ ประสานประโยชน์” ขับเคลื่อน กฟผ. สู่ผู้ให้บริการด้านพลังงานอย่างครบวงจรในยุคดิสรัปชั่น
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมทีมผู้บริหาร กฟผ. ร่วมพูดคุยกับสื่อมวลชนถึงทิศทางการดำเนินงานของ กฟผ. และแนวทางการบริหารงาน หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 15 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ หอประชุมเกษม จาติกวณิช สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี
นายบุญญนิตย์ กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งก็ได้ราวมพูดคุยกับพนักงานทั้งหมดของ กฟผ. เพื่อให้ทุกคนก้าวไปในทิศทางเดียวกัน เพราะทราบกันดีว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า และรูปแบบการผลิตไฟฟ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนไป ดังนั้น กฟผ. จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในยุค New Normal ต้องปรับวิธีคิดและการดำเนินงานภายใต้แนวคิด “EGAT for ALL” หรือ กฟผ. เป็นของทุกคน และทำเพื่อทุกคนนั่นเอง
นับจากนี้ไป กฟผ. จะมีหน้าที่ใหม่ ๆ ที่นอกจากการผลิตและส่งไฟฟ้าเพื่อรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศแล้ว การดำเนินงานของ กฟผ. ยังต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีความหลากหลายในยุคดิสรัปชั่นด้วย ต่อไป กฟผ. ต้องเดินหน้าสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานอย่างครบวงจร (Energy Solutions Provider) ด้วยหลักการบริหารแบบ “ยืดหยุ่น ทันการณ์ ประสานประโยชน์” ต้องเร่งผลักดันงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการพัฒนาโรงไฟฟ้าตามแผน PDP2018 Rev.1 ให้แล้วเสร็จตามกำหนด มุ่งเน้นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกการดำเนินงาน ตั้งแต่การพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าด้วยโรงไฟฟ้าดิจิทัล (Digital Power Plant) ทำให้โรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิต พัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบผสมผสาน อาทิ โครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อน การผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมร่วมกับเซลล์เชื้อเพลิง โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ
นอกจากนั้น กฟผ. จะมุ่งพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน (Grid Connectivity) ยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางซื้อขายพลังงานของภูมิภาค และปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าในประเทศให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย (Grid Modernization) รองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าหลัก มีการจัดตั้งศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของประเทศ (RE Forecast Center) ซึ่งสามารถพยากรณ์กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ละเอียดในระดับราย 30 นาที จนถึงในอีก 7 วันถัดไปได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งนำร่องศูนย์สั่งการการดำเนินการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Control Center) เชื่อมต่อกับระบบของ กฟน. และ กฟภ. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการตอบสนองทางด้านโหลดในภาพรวมของประเทศ ปรับปรุงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ให้มีความยืดหยุ่น (Flexible Power Plant) มีความพร้อมจ่ายสูง โดยเริ่มนำร่องที่โรงไฟฟ้าวังน้อย ชุดที่ 4 แล้ว ทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งพัฒนาแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System : BESS) ที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ และสถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีพลังงานหมุนเวียนเชื่อมต่อเข้าระบบไฟฟ้าปริมาณมาก
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. ได้เตรียมเปิดธุรกิจใหม่ อาทิ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้แก่ สถานีอัดประจุไฟฟ้า, เครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว (EGAT DC Quick Charger) ธุรกิจสมาร์ทอีวีชาร์จเจอร์ขนาดเล็กแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ Wallbox, ชุดดัดแปลงสภาพรถยนต์ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV Kit), ธุรกิจแบตเตอรี่อัจฉริยะ (Batt 20C) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว, ธุรกิจซื้อขายเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC)
ส่วนการดูแลสังคมนั้น กฟผ. ยังมุ่งเน้นแนวคิด “CSR for ALL เติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน” ทั้งในมิติเศรษฐกิจ (Prosperity) จากโครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (DSM) ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และภาคที่อยู่อาศัย ต่อยอดสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มการบริหารจัดการไฟฟ้าแบบครบวงจร รวมทั้งให้การสนับสนุนโครงการเพื่อการพัฒนาชุมชนแบบยั่งยืนด้วย อาทิ โครงการชีววิถี โครงการห้องเรียนสีเขียว ต่อยอดสู่โคก หนอง นา โมเดลวิถีใหม่ตามศาสตร์พระราชา และพัฒนาสู่วิสาหกิจชุมชนผ่านการสนับสนุนการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชน
ด้านมิติสิ่งแวดล้อม (Planet) จากโครงการปลูกป่าและการดำเนินมาตรการลดก๊าซเรือนกระจก จะต่อยอดสู่นวัตกรรมดูแลคุณภาพอากาศ EGAT Air TIME ได้แก่ การปลูกป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว (Tree) นวัตกรรมสีเขียว (Innovation) การติดตามคุณภาพอากาศ (Monitoring) และการถ่ายทอดองค์ความรู้ สร้างความตะหนักในการดูแลคุณภาพอากาศ (Education & Engagement)
“กฟผ. ไม่ใช่ของใครแต่เป็นของทุกคน ดังแนวคิด “EGAT for ALL” และกฟผ. ต้องพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยหลักการบริหารแบบ “ยืดหยุ่น ทันการณ์ ประสานประโยชน์” เน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ร่วมมือกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิด และต้องทำงานอย่างมืออาชีพ เพื่อให้องค์กรแห่งนี้ก้วหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวย้ำ