3 การไฟฟ้า เตรียมผุดแพลตฟอร์ม “NETP” ” (National Energy Trading Platform : NETP) ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าแห่งชาติ หลังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ให้จัดจ้างที่ปรึกษาโครงการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มฯ เตรียมคลอดแอปพลิเคชั่น ปล่อยเสรีรายย่อยขายไฟคืน จ่อแก้ไขกฎหมายประกอบกิจการพลังงานให้เอกชน เพื่อให้สามารถใช้ระบบสายส่งของการไฟฟ้าได้ โดย กฟผ. เร่งสรุป KPI 3 การไฟฟ้า ด้าน กกพ. ชี้ต้องเตรียมพร้อมอีกหลายขั้นตอน
การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เตรียมผุดแพลตฟอร์ม “NETP” ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าแห่งชาติ เพื่อวางระบบการซื้อขายไฟฟ้าให้สอดรับกับเทรนด์เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้ายุคใหม่ ที่ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าเช่นในอดีต มาเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง และนำไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการใช้เข้าสู่ระบบ หรือแบบ prosumer แทน รวมถึงรองรับกลุ่มบ้านจัดสรร ที่มีการการผลิตไฟฟ้าเพื่อขายในกลุ่มบ้านจัดสรรด้วยกันกันเอง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการขายไฟฟ้าที่ผลิตได้เข้าสู่ระบบสายส่งของการไฟฟ้า
โดยในเบื้องต้น ขณะนี้ได้มีการทำข้อสรุปผลการศึกษาแนวทางดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างจัดข้อมูลรายละเอียดเพื่อเสนอ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ต่อไป สำหรับโมเดลธุรกิจระบบ NETP ที่จะใช้นั้น ในระยะเริ่มแรก จะสร้างแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชั่นเพื่อให้บริการสำหรับผู้บริการ ทั้งนี้เพื่อดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามาในธุรกิจมากขึ้น โดยเน้นเฉพาะแบบ pear to pear และเก็บรายได้จากปริมาณไฟฟ้าที่แลกเปลี่ยนบนระบบ จากนั้นในท้ายที่สุด 3 การไฟฟ้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูล big data ที่ได้มา เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อยอดพัฒนารูปแบบบริการใหม่ๆ ในภายหลัง เพื่อสร้างรายได้ต่อไป
แต่ทั้งนี้ ระบบ NETP ยังมีรายละเอียดทางปฏิบัติอีกมากที่ต้องเตรียมพร้อม เช่น สูตรคำนวณค่าบริการ wheeling charge ซึ่งจะแบ่งตามพื้นที่การให้บริการ และต้องแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ซึ่งเดิมไม่อนุญาตให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้สายส่งของการไฟฟ้า เนื่องจากเป็นห่วงด้านความปลอดภัยและความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีการกำหนดมาตรฐานของบุคคลที่ 3 ที่จะเข้ามาใช้ระบบสายส่งของการไฟฟ้า โดยการปรับปรุงกริดโค้ดและความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งต้องใช้ความละเอียดในการพิจารณา ดังนั้นการอนุญาตให้ผู้ผลิตรายใหม่ที่จะขายไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งของการไฟฟ้า จำเป็นต้องยื่นขอใบอนุญาตเพิ่มเติ่ม ทั้งในส่วนของใบอนุญาตประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้า (distribution) และในส่วนของใบอนุญาตประกอบกิจการจำหน่ายไฟฟ้า (retail) จากเดิมที่ต้องขอ 4 ใบ
โดยโมเดลการพัฒนา NETP นั้น หากสำเร็จคาดว่าจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น โดยทำให้ภาคประชาชนไม่ต้องถูกบังคับให้จำเป็นต้องซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าเหมือนเช่นในอดีตเท่านั้น แต่ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้เอง และขายให้กับการไฟฟ้าได้อีกด้วย โดยในอนาคตภาคการผลิตไฟฟ้าจะมีนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามาชิงแชร์มาเก็ตแชร์จากผู้ผลิตรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของตลาดเดิม ขณะที่ ทาง กฟผ. เอง ก็จะมีภาระต้องดูแลเพิ่มขึ้น เช่น ต้องตั้งศูนย์ควบคุมระบบส่งไฟฟ้า เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทุกกลุ่มก็จะมีฐานข้อมูล big data เพื่อนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการวางแผนการผลิตไฟฟ้าในอนาคตได้
กฟผ. เตรียมทำ KPI สำหรับ 3 การไฟฟ้า
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงแผนการศึกษาวิจัยโครงการ NETP ว่าในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปเกี่ยวกับตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน หรือ KPI ของ 3 การไฟฟ้า การนำข้อมูลทั้งระบบผลิต จัดส่ง จำหน่ายมาใช้วิเคราะห์และจัดการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยมีมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) เป็นผู้ตรวจประเมินทดลองก่อนเสนอเป็นนโยบายกระทรวงพลังงาน
“NETP เป็นแนวคิดที่เราสนใจเซตขึ้นมาเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการ โรงไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้มค่าขึ้นในอนาคต และรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากรูปแบบการซื้อขายไฟตรงระหว่างประชาชนกันเองแบบเสรี และดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายของการไฟฟ้ามาก”
กกพ. ชี้ต้องเตรียมความพร้อมอีกหลายขั้นตอน
นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า อาจจะต้องดูความพร้อมของ 3 การไฟฟ้า ว่ามีความพร้อมหรือไม่ หากจะให้โรงไฟฟ้าทั้งหมดมาบิดเข้าตลาดเลย ต้องดูรายละเอียดก่อนว่านโยบายเป็นอย่างไรบ้าง เพราะทั้งประเทศมีทั้งโรงไฟฟ้าทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งมีต้นทุนสูงมาก จะต้องดูแลอย่างไร ประกอบกับระบบสายส่งมีกระบวนการที่ต้องดูรายละเอียดค่อนข้างมาก
“โครงการลักษณะนี้ในต่างประเทศมีการเตรียมตัวมาหลายปี แต่จะเริ่มทีละสเต็ปให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในที่สุดแล้วแผนนี้ต้องการให้เกิดการแข่งขัน ประชาชนมีทางเลือกได้ ไม่ได้ต้องซื้อจากการไฟฟ้า แต่เราต้องมาดูรายละเอียดค่อนข้างมากเหมือนกัน”