เอสไอจี ก้าวไปอีกขั้นในการจัดการขยะ กับความสำเร็จในการพัฒนาพาเลทจากวัสดุหมุนเวียนพื่อใช้งานในการขนส่งทางอุตสาหกรรม พาเลทต้นแบบที่พัฒนาขึ้นนี้ทำจากวัสดุเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลามิเนตผสมกับเม็ดพลาสติกใหม่ โครงการนำร่องนี้ริเริ่มโดยโรงงานบรรจุภัณฑ์ของเอส ไอ จี ที่จังหวัดระยอง ภายใต้ความร่วมมือกับ แอดวานซ์แมท ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยวัสดุเชิงวิศวกรรม โดยเอสไอจีได้เริ่มใช้พาเลทดังกล่าวสำหรับคลังสินค้าในประเทศไทย
สำหรับพาเลทใหม่นี้ ใช้วัสดุส่วนหนึ่งจากพอลิเมอร์และอะลูมิเนียม (PolyAI) ที่ได้จากเศษบรรจุภัณฑ์กล่องรีไซเคิลที่โรงงานผลิตของเอสไอจี ในประเทศไทย โดยวัสดุดังกล่าวสามารถใช้แทนเม็ดพลาสติกใหม่ได้มากกว่า 30% และมีการใช้เทคนิคการฉีดเพื่อขึ้นรูป PolyAI ให้เป็นพาเลทที่มีคุณลักษณะเฉพาะในการรับน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ พร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น ขอบของพาเลทที่สามารถล็อกเข้าด้วยกัน และช่องสำหรับรถยก โดยพาเลทแต่ละชิ้นมีน้ำหนักเพียง 22 กิโลกรัม แต่สามารถรองรับน้ำหนักตามหลักสถิตยศาสตร์ (Static load) ได้กว่า 8,500 กิโลกรัม และน้ำหนักตามหลักพลศาสตร์ (Dynamic load) ถึง 1,350 กิโลกรัม
มิเกล กามิโต หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงานของโรงงานเอสไอจี จังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในหลายโครงการของเอสไอจี ที่มีความตั้งใจในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนและยกระดับบทบาทของเราในเศรษฐกิจหมุนเวียน ขณะที่พาเลททั่วไปทำจากเม็ดพลาสติกใหม่ แต่ ‘พาเลทจากวัสดุหมุนเวียน (ReNew Pallets)’ ของเรามีการใช้วัสดุรีไซเคิลจากกล่องเครื่องดื่ม ที่นำมาแปลงสภาพเป็นพาเลทที่มีความทนทานและปลอดสารอันตราย เพื่อเป็นการเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์
วัชรพงศ์ อึงศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการเขต ประจำประเทศไทย ลาว พม่า และกัมพูชา เอสไอจี กล่าวว่า จากความสำเร็จในการทดลองใช้พาเลทจากวัสดุหมุนเวียนที่โรงงานของเอสไอจีในจังหวัดระยอง ทำให้เรามั่นใจและเชื่อมั่นในการที่จะนำพาเลทไปใช้งานในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมภายในเครือข่ายของเอสไอจีต่อไป เนื่องจากพาเลทที่ได้มีความแข็งแรงเทียบเท่ากับพาเลทที่ทำจากพลาสติก HDPE ซึ่งใช้กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะในการจัดเก็บและขนส่งสินค้า เราตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนพาเลท HDPE ของเราทั้งหมดเป็นพาเลทจากวัสดุหมุนเวียน และยังจะใช้พาเลทหมุนเวียนดังกล่าวในการขนส่งบรรจุภัณฑ์ของเราไปสู่ลูกค้าด้วย ทั้งนี้เอสไอจีให้ความสำคัญกับภารกิจในการรีไซเคิลเสมอมา และมีแผนนำวัสดุรีไซเคิลกลับมาอยู่ในวงจรของบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบอื่น ดังเช่นโครงการนี้ ที่สอดคล้องตามเป้าหมายของเอสไอจีที่จะบุกเบิกเส้นทางสู่ระบบบรรจุภัณฑ์แบบหมุนเวียนที่ครบวงจร
วิศรุจน์ จันแป้น ซีอีโอของแอดวานซ์แมท กล่าวว่า ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ แอดวานซ์แมทมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและผลิต พาเลทจากวัสดุหมุนเวียน ที่มีความสามารถในการแข่งขันในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ เราตั้งใจที่จะใช้ความเชี่ยวชาญของเราเพื่อสนับสนุนการใช้ PolyAl ให้แพร่หลายมากขึ้น โดยความร่วมมือกับเอสไอจีในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อคำมั่นของเราในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน เพราะการเปลี่ยนขยะเข้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนถือเป็นการเพิ่มผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
ในช่วงระยะของโครงการนำร่องจะมีการใช้ “พาเลทจากวัสดุหมุนเวียน” ที่คลังสินค้าของเอสไอจี ในจังหวัดระยอง เมื่อประสบความสำเร็จในดำเนินการแล้ว ในอนาคตทางบริษัทมีแผนที่จะใช้ PolyAI จากกล่องเครื่องดื่มที่ผ่านการรีไซเคิลมาผลิตเป็น “พาเลทจากวัสดุหมุนเวียน” ซึ่งพาเลทหนึ่งชิ้นจะใช้กล่องเครื่องดื่มรีไซเคิลประมาณ 3,400 กล่อง ช่วยเปลี่ยนการทิ้งเป็นขยะไปหลุมฝังกลบ แล้วยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงราว 144.68 กก. ด้วย
เอสไอจี เป็นผู้นำโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้น ทั้งต่อลูกค้า ผู้บริโภค และโลกของเรา เราร่วมมือกับลูกค้าในการนำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย ยั่งยืน และคุ้มค่า ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของเราตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ (aseptic carton) ถุงในกล่อง (bag-in-box) และถุง/ซองพร้อมฝา (spouted pouch) เทคโนโลยีและความสามารถทางด้านนวัตกรรมที่โดดเด่นของบริษัทฯ ทำให้เราสามารถจัดหาระบบและโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ได้อย่างหลากหลายเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์และกระบวนการอัจฉริยะที่ล้ำหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความยั่งยืนถือเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของเรา และเรามุ่งมั่นเดินหน้าเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ดีกว่าเดิม บรรจุภัณฑ์ที่พร้อมมอบสิ่งดีๆ ต่อผู้คนและโลกมากกว่าการสร้างปัญหา
เอสไอจี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2396 มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองนอยเฮาเซน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SIX โดยพนักงานทั่วโลกที่มีทักษะและประสบการณ์กว่า 9,000 คน ทำให้บริษัทฯ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกว่า 100 ประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2566 เอสไอจี มีการผลิตบรรจุภัณฑ์กว่า 53,000 ล้านชิ้น สร้างรายได้ราว 3,200 ล้านยูโร อีกทั้งเอสไอจี ยังได้รับการจัดอันดับ ESG จาก MSCI ในระดับ AA, ได้รับคะแนนจาก Sustainalytics ที่ 13.9 (ความเสี่ยงต่ำ) และได้รับการจัดอันดับ CSR จาก EcoVadis ในระดับ Platinum อีกทั้งยังอยู่ในทำเนียบ FTSE4Good Index ด้วย โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา