นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 5,485 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1. ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ มีสัดส่วนรายได้ 45% 2. ธุรกิจโทรคมนาคม มีสัดส่วนรายได้ 37% และ 3. ธุรกิจวิศวกรรมและโครงการพิเศษ มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 18%
ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้องค์กรทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต้องลงทุนพัฒนาระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับขีดความสามารถในการแข่งขัน ILINK จึงพร้อมเดินหน้าลุยตามแผนการธุรกิจ ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Access Network Products เพื่อแชร์ส่วนแบ่งการตลาดอุปกรณ์ส่งสัญญาณ (Networking Equipment) ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดถึง 9,000 ล้านบาท หลังงบประมาณรัฐบาลประกาศใช้จะเป็นปัจจัยหนุนให้ ILINK สามารถแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดได้ไม่น้อยกว่า 10% ภายในปี 2563 นี้
“แม้เศรษฐกิจในปัจจุบันจะยังไม่ฟื้นตัว แต่เนื่องจากกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้วางแผนล่วงหน้า และคาดการณ์ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะชะลอตัว จึงได้มีการปรับตัวถ่วงดุลการค้าของธุรกิจต่างๆ มาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัวแต่อย่างใด สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนของไทยปรับตัวแข็งค่าขึ้นกลับส่งผลดีต่อบริษัทฯ เพราะเนื่องจากธุรกิจหลักของ ILINK ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อีกทั้งหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความเชื่อมั่นให้ดูแลงานโครงการขนาดใหญ่มาแล้วจำนวนมาก มั่นใจสิ้นปีนี้จะเห็นภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ฯ ทะลุ 5,485 ล้านบาทอย่างแน่นอน” นายสมบัติ กล่าว
สำหรับธุรกิจวิศวกรรมโครงการพิเศษ บริษัทฯ ได้ชนะประมูลงานโครงการก่อสร้างสายส่งเคเบิลใต้ดิน ระบบ 115 เควี มูลค่า 187.5 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) บริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าเชียงใหม่ 2 จำนวน 4 วงจร และงานก่อสร้างปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า 22 เควี ช่วงลอดใต้แม่น้ำปิง บริเวณสะพานป่าตัน จังหวัดเชียงใหม่ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 365 วัน นับจากวันลงนามในสัญญา ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้เร่งดำเนินการติดตั้งระบบโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง ของกรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อสามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้อย่างน้อย 126 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ กำลังรอประกาศผลจากการประกวดราคาโครงการสายเคเบิ้ลใต้น้ำ 115kvเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเกาะปันหยี จ.พังงา มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาคุณสมบัติทางด้านเทคนิคของผู้ยื่นเสนอราคาทั้งหมด หากบริษัทฯ สามารถชนะการประกวดราคาในครั้งนี้ได้ จะส่งอานิสงส์ให้ผลประกอบการของปี 2563 เติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับโครงการ Satellite Terminal ของสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัทฯ ยังพยายามเร่งรัดการก่อสร้างและสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้ และจากการที่ ILNK ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐชนะประมูลงานซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทสำหรับใช้ขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารปัจจุบัน กับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันโครงการได้คืบหน้าอย่างมาก บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับรถไฟฟ้าของบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ในการจัดหาระบบรถไฟฟ้ารุ่น Airval ซึ่งทาง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้ส่งทีมวิศวกรไปตรวจการผลิต ณ ประเทศเยอรมนีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถส่งมอบรถไฟฟ้าให้กับ ทอท. ได้ทันตามกำหนดเวลาอย่างแน่นอน