CHANGAN ร่วมกับ BOI เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย เข้าร่วมงาน “CHANGAN Sourcing Day” โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน SMEs ไทย ให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า CHANGAN ที่จะประกอบในโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 60% พร้อมวางแผนคัดเลือกพนักงานเข้าร่วมทีมผู้บริหาร และพนักงานของไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 90% ภายในปี 2026 โดยเป้าหมายเพื่อให้ CHANGAN ในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาสำหรับการส่งออกไปยังตลาดพวงมาลัยขวาทั่วโลก
เซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีสเอเชีย จำกัด กล่าวถึง ความโชคดีของ CHANGAN Automobile ที่ได้จับมือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI และ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ผู้ร่วมสนับสนุนในการจัดงาน Sourcing Day ซึ่งไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยในการเชื่อมต่อทำงานร่วมกัน แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับบริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ที่จะมาร่วมกันหารือเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานใหม่ของโลกปัจจุบันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
CHANGAN Automobile เชื่อมั่นเสมอในการทำงานแบบเปิดเผย และได้รับผลประโยชน์ เพื่อความสำเร็จร่วมกัน ซึ่งความเชื่อนี้ เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร และเป็นรากฐานของการทำงานร่วมกับคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยเอง เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังและโอกาส ทางบริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย CHANGAN Automobile ตั้งใจที่จะทำงานใกล้ชิดกับคู่ค้าทั้งหมดเพื่อผลักดันนวัตกรรมในห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วนยานยนต์พลังงานใหม่ และช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่เติบโตอย่างยั่งยืนทั่วโลก
“ภายใต้แผน VAST OCEAN ของ CHANGAN Automobile ที่ยึดหลักการความยั่งยืน รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2030 CHANGAN Automobile ตั้งเป้าที่จะลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐในตลาดต่างประเทศ และมียอดขายรถยนต์มากกว่า 1.2 ล้านคันต่อปีในต่างประเทศ รวมถึงการจ้างงานมากกว่า 10,000 คนในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ CHANGAN เป็นบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกอีกด้วย”
เซิน ซิงหัว กล่าวอีกว่า ในการเริ่มต้นทำตลาดของ CHANGAN Automobile ด้วยแผน แผน “VAST OCEAN” ตั้งแต่ปี 2023 เพื่อเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยยกให้ประเทศไทยเป็นฐานะศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทฯ จึงได้จดทะเบียนบริษัทในเครือ 3 แห่ง ด้วยการลงทุนเริ่มต้นกว่า 10,000 ล้านบาท และภายในปี 2030 บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวรถโมเดลใหม่มากกว่า 15 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลาย และมอบโอกาสเพิ่มเติมให้กับผู้ผลิตอีกด้วย
นอกจากนี้ CHANGAN กำลังสร้างโรงงานใหญ่ในจังหวัดระยอง มีแผนจะแล้วเสร็จ และมีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100,000 คันต่อปี ในช่วงต้นปี 2025 และเริ่มขยายระยะที่สองในต้นปี 2026 เพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 คันต่อปี โดยโรงงาน CHANGAN ที่ระยองแห่งนี้ ยังเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศแห่งแรกของ CHANGAN และจะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาของ CHANGAN สำหรับการส่งออกไปยังตลาดพวงมาลัยขวาทั่วโลก
CHANGAN Automobile มุ่งมั่นที่จะเติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และคู่ค้าชาวไทยของเรา เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของประเทศไทย จึงทำให้ CHANGAN มุ่งมั่นที่จะผลักดันการจัดหาผู้ผลิตชิ้นในประเทศไทย สำหรับรุ่นรถรุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทยมากถึง 60% รวมถึงการจ้างงานในประเทศ โดยเฉพาะพนักงานไทยที่จะร่วมเป็นทีมผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับมากกว่า 80% โดยจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 90% ของพนักงานทั้งหมด ภายในปี 2026
“ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพที่ดีในการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ระดับโลกได้ ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BOI ในการร่วมกันผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ให้มีการเติบโต และการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคตด้วย” นายเซิน ซิงหัว กล่าว
ทางด้าน นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมของโลกกำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ มีการเคลื่อนย้ายหาแหล่งผลิตที่มีความมั่งคง และปลอดภัย รวมถึง Climate Change ครั้งใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม ประเทศไทยเองก็อยู่ในช่วงที่กำลังจะสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงเรื่องดิจิทัล รวมทั้งออโตเมชั่นโลโบติก ซึ่งในการสร้างอุตสาหกรรมเหล่านี้ คือการสร้างความเข้มแข็งของซัพพลายเชน คือหัวใจหลักสำคัญ รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ และเครือข่ายทางธุรกิจ สามารถที่จะเพิ่มศักยภาพของตัวเราเองได้มากขึ้น
สำหรับงาน CHANGAN Sourcing Day ครั้งนี้ ถือว่าเป็นงานที่สำคัญที่จะทำให้มีโอกาสในการซื้อขายชิ้นส่วน การว่าจ้างผลิต รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือว่าการร่วมทุนกันระหว่างผู้ประกอบการไทย และต่างชาติ อีกด้วย