นิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และนายเจอรี่ เจีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซี่ยเหมิน เอมเพส เทคโนโลยี จำกัด (Xiamen Ampace Technology Limited) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่ เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อและสามล้อ แบตเตอรี่สำหรับติดตั้งในภาคครัวเรือน (Residential) ในภาคอุตสาหกรรม (Commercial & Industrial) และโอกาสในการจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับโมดูลหรือแพ็ค รวมถึงระดับเซลล์เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ สำนักงานใหญ่บีซีพีจี อาคารเอ็มทาวเวอร์
นิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นธุรกิจด้านแบตเตอรี่ในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมขนาดกลาง รวมถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ได้แก่ แบตเตอรี่ และระบบจัดการ โดยบีซีพีจีได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจของแบตเตอรี่ที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจที่บริษัทฯ และบริษัทในเครือบางจาก ได้ดำเนินการอยู่แล้ว อาทิ การให้บริการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie ของบริษัทในกลุ่มบางจาก ความเชี่ยวชาญของบีซีพีจีในการบริหารจัดการด้านพลังงานและการพัฒนาธุรกิจดิจิทัลร่วมกับเทคโนโลยีบล็อคเชน เช่น โครงการทาวน์สุขุมวิท 77 (หรือT77) หรือ โครงการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU Smart City) ที่มีการใช้ดิจิทัลโซลูชั่นด้านพลังงานที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับเมืองขนาดใหญ่ ลดต้นทุนด้านพลังงาน พร้อมรับมือกับราคาค่าเชื้อเพลิง และอัตราค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2568 ภาครัฐได้ตั้งเป้าหมาย การใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศไทยอยู่ที่ 360,000 คัน โดยราคาเฉลี่ยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลังได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐอยู่ที่ 50,000 บาท/คัน มูลค่าตลาดโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้มีการประเมินว่าตลาดโซลาร์รูฟท้อป (Solar Rooftop) ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าร้อยละ 22 ต่อปีโดยเฉลี่ย หรือแตะระดับ67,000 ล้านบาทในปี 2568 โดยสัดส่วนร้อยละ 30 เป็นการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน ซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่บ้านในช่วงเวลากลางวัน การติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อเก็บไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท้อปที่ผลิตได้ในช่วงกลางวันและนำมาใช้ในช่วงเวลาหัวค่ำ (18.00-22.00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่ฐานค่าไฟฟ้ามีราคาสูง จะทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น การร่วมมือระหว่าง บีซีพีจี และ Ampace จะเป็นการเกื้อหนุนกันของทั้งสองบริษัทในการสร้างธุรกิจ new S-curve ในอนาคตอันใกล้นี้” นิวัติกล่าว