ธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับเชิญเป็นวิทยากรปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “เชื้อเพลิงเครื่องบิน จากน้ำมันพืชใช้แล้ว” ในโครงการอบรม “หลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง” (Leadership for Change) รุ่นที่ 14 เพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความร่วมมือรับผิดชอบต่อสังคม การร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีต่อสังคม บนฐานคิดของสัมมาชีพ ภายใต้แนวคิด “BCG in Collaboration เพิ่มคุณค่าธุรกิจ ช่วยเศรษฐกิจยั่งยืน” จัดโดยมูลนิธิสัมมาชีพ
ธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เล่าถึงทิศทางและแนวทางการพัฒนาเชื้อเพลิงเครื่องบินจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วของกลุ่มบริษัทบางจาก ที่ดำเนินโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และ “ไม่ทอดซ้ำ” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน
ไม่ใช้น้ำมันปรุงอาหารซ้ำและนำมาส่งเข้าโครงการเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ผ่านบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพที่ดีต่อผู้บริโภคจากการไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ และจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบิน เป็นนวัตกรรมสีเขียว และตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน และลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ตอบโจทย์ BCG Economy Model ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน นอกจากนี้ นายธรรมรัตน์ยังได้กล่าวถึงภาวะและผลกระทบของโลกเดือด (Global Boiling) ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในโลกอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลัก คือ 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ผู้นำด้านการกลั่นน้ำมันของประเทศ ด้วยกำลังการผลิตรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันแบบ Complex Refinery มาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง คือโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขยายสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันผ่านบริษัทบีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) และต่อยอดเครือข่ายธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิง ผ่านบริษัทกรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ (BFPL) รวมถึงลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ผ่านบริษัทบีเอสจีเอฟ (BSGF) 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด ส่งมอบ Greenovative Experience ผ่านเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ non-oil เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio EV Charger รวมทั้งความร่วมมือกับพันธมิตรด้านอาหารหลากหลายและนำระบบดิจิทัลมาส่งมอบประสบการณ์ทันสมัย สะดวก ปลอดภัย ให้กับผู้ใช้บริการ 3) กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดย บมจ. บีซีพีจี ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Businesses) อาทิ ธุรกิจ Battery as a Service สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Winnonie และสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศสำหรับ นวัตกรรมสีเขียว
นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับวิกฤตสภาวะภูมิอากาศและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium บางจากฯ ได้รับการประเมินจาก S&P Global CSA ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี DJSI (ผลประเมินเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566) ได้คะแนนการประเมินสูงเป็น Top 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing และเป็นบริษัทไทยรายเดียวที่ได้รับการประเมินความยั่งยืน MSCI ESG Ratings ระดับ AA สูงสุดในกลุ่ม Oil & Gas Refining, Marketing, Transportation & Storage ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน