การจัดงาน “Smart Energy Transformation Asia 2019” หรือ SETA 2019 ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการ “โครงการพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย 2562” และมีการจัดแสดงนิทรรศการนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มาร่วมแสดงในงานด้วย นำโดยกระทรวงพลังงานร่วมกับ 6 กระทรวงหลักของไทย พร้อมด้วยภาคเอกชนร่วมกันจัดงาน SETA 2019 ในครั้งนี้ โดยมี นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึง รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร ประธานคณะกรรมการการจัดงาน SETA 2019 และผู้แทนจากองค์กร/หน่วยงานต่างประเทศเข้าร่วมพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการปนะชุมไบเทค บางนา
การจัดงาน SETA 2019 ในครั้งนี้ได้มีวิทยากรร่วมกล่าวปฐกถาโดย Mr. Kin-Peng Sin Chief Architect, IBM’s Global Energy and Utilities Industry บรรยายในหัวข้อ “The power of data and exponential technologies in accelerating the energy transition“ โดยกล่าวว่า ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ปัจจุบันมีการใช้พลังงานที่สะอาดมากขึ้นเพื่อการบูรณาการทรัพยากรพลังงานแบบกระจายให้ได้อย่างทั่วถึง
ขณะที่ นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปฐกถาในหัวข้อ “New Energy for Sustainability” โดยกล่าวว่า การจัดงาน SETA 2019 ในครั้งนี้เพื่อนำเสนอข้อมูลด้านพลังงานให้กับประชาชนและผู้ที่สนใจได้รับทราบ เนื่องจากพลังงานเพื่อความยั่งยืนเป็นแนวคิดที่มีความสำคัญในยุคปัจจุบัน โดยเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนรุ่นหลัง ซึ่งตลอดระยะเวลา 50 ปี กฟผ. ได้พัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมการผลิตไฟฟ้าให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างสอดรับกับทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานของโลก ซึ่งภายในงาน กฟผ.ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานมาพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้ง ยังได้จำลอง “EGAT Energy Excellence Center” มาจัดแสดงภายในงานซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดเล็ก (Micro Grid)
นอกจากนี้ยังได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ Hydrogen -The Key to Energy Transition ซึ่งบรรยายโดย Mr.Timo Bovi Associate Partner – Johanssen + Kretschmer (Germany) กล่าวถึงเรื่องแหล่งพลังงานสะอาดหมุนเวียนที่ใช้ในการผลิตพลังไฟฟ้าที่สามารถเชื่อมต่อไปยังผู้บริโภคและการขนส่งสาธารณะ ซึ่งในทวีปยุโรปส่วนใหญ่มักนิยมใช้พลังงานลมมาผลิตพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
ทางด้าน Ms. Carolin Capone, Director Sustainable Transport – Thailand / ASEAN Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) GmbH ได้กล่าวปฐกถาในหัวข้อ “The importance of transport for the energy sector” พร้อมกันนี้ Mr. Bert Fabian, Global Fuel Economy Initiative and Asia-Pacific activities United Nations Environment Programme (UNEP) ได้ร่วมปฐกถาในหัวข้อเรื่อง “The ASEAN Fuel Economy Roadmap for the Transport Sector 2018-2025: What does it mean for AMS; examples for action from different AMS”
ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ “Electric mobility as a contribution to the FE Roadmap“ โดยมีวิทยากรจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ Dr. Nattachai Charusilawong, Consultant (Mobility Practice),Frost & Sullivan (ePassenger Car) รวมทั้ง Dr. Chi-na Benyajati, Head of Lightweight Engineering Research Team, Engineering Design and Advanced Manufacturing Research Group, The National Metal and Materials Technology Center (MTEC) (eBus) พร้อมด้วย Mr. Soranun Choochut, Founder and CEO of eTRAN (Thailand) Co., Ltd. (eMotorcycle) รวมถึง Mr. Dennis Harte, Managing Director (Thailand), Tuk Tuk Factory (eTukTuk) และ ดร.มนตรี สว่างพฤกษ์ อาจารย์ประจำสำนักวิชาวิทยาการพลังงาน (CEST) โดยผู้เข้าร่วมเสวนาส่วนใหญ่ได้กล่าวถึงทิศทางพลังงานไฟฟ้าในอนาคตและการกักเก็บแบตเตอรี่เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต
และการเสวนาช่วงสุดท้ายเรื่อง “Green Cooling for a Warming World” ซึ่งมีวิทยากรร่วมบรรยายได้แก่ Mr.Denise Andres RAC NAMA thailand – GIZ รวมทั้ง Chandra Bushan จากองค์กร Expert – Climate change and member, steering committee, India cooling action plan (ICAP) นอกจากนี้ Jan Dusek จาก หน่วยงาน Shecco และ Mr.Alex Panas ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมเสวนาจาก Sanden Intercool Group โดยวิทยากรส่วนใหญ่ได้กล่าวถึงทุกภาคส่วนต้องช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมโลก และหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้ การจัดงาน SETA 2019 ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้สนใจและประชาชนทั่วไปจะได้เปิดมุมมองและมิติด้านการพัฒนาพลังงานอย่างดต็มรูปแบบผ่ายการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศอย่างก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก