การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือ MEA ประชุมชี้แจงการลดผลกระทบในโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศ เป็น สายไฟฟ้าใต้ดิน ถนนรัชดาภิเษก-อโศก ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2566 โดยมีผู้แทนจากองค์กร และหน่วยงานภาคธุรกิจต่างๆในพื้นที่ เข้าร่วมรับฟังรายละเอียด เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน โดยการกำหนดให้ติดตั้งแนวรั้วกั้นชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนได้มีช่องทางเดินอย่างปลอดภัย และให้ใช้ฝาคอนกรีตชั่วคราว เปิด-ปิด ให้เสมอผิวจราจร และจัดตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่สำหรับ ประชาชนในกรณีมีข้อร้องเรียน
เทพศักดิ์ ฐิตะรักษา รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (MEA) เป็นประธานงานประชุมชี้แจงเดินหน้าโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการรัชดาภิเษก – อโศก โดยมีผู้แทนจากองค์กร และหน่วยงานภาคธุรกิจต่าง ๆ ในพื้นที่ เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงรายละเอียดแผนดำเนินงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการก่อสร้าง ณ โรงแรม AVANI Atrium Bangkok
ชัยภัทร สุขไพบูลย์วัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ MEA กล่าวว่า ตามที่ MEA ได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร Smart Metro เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล เร่งดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความเพียงพอ มั่นคง มีความปลอดภัย ทัศนียภาพที่สวยงาม นั้น ล่าสุด MEA จะดำเนินโครงการบนถนนรัชดาภิเษกเพิ่มเติม (ช่วงจากคลองสามเสน บริเวณด้านใต้ของ ถนนพระราม 9 ถึง ถนนพระราม 4) ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ (ช่วงจากทางรถไฟ ถึง ซอยสุขุมวิท 63 หรือ ซอยเอกมัย) และ ถนนพระราม 4 (จากซอยโรงงานยาสูบ ถึง ซอยไผ่สิงโต) รวมระยะทาง 8.2 กิโลเมตร โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2566 ภายใต้งบประมาณราว 2,360 ล้านบาท
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมา MEA ได้นำข้อแนะนำมาปรับปรุงพัฒนายกระดับการก่อสร้างทุกจุดตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งขั้นตอน วิธีการ และวัสดุอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานป้องกันอุบัติเหตุ รวมถึงการควบคุมผู้รับจ้างให้งานก่อสร้างมีความเรียบร้อยปลอดภัย และลดผลกระทบด้านการจราจรในพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อให้โครงการสำเร็จตามแผนงาน โดยมีข้อปฏิบัติต่างๆ ได้แก่
- กำหนดให้ติดตั้งแนวรั้วกั้นชั่วคราว เพื่อแบ่งพื้นที่ให้ประชาชนได้มีช่องทางเดิน ติดตั้งไฟสัญญาณเพื่อความปลอดภัย ใช้ทางเดินได้อย่างสะดวกในช่วงเวลาก่อสร้างของแต่ละคืนที่เข้าดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพักบนทางเท้า และผิวจราจร
- การก่อสร้างบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน บนผิวจราจรกำหนดให้ใช้ฝาคอนกรีต (ชั่วคราว) เพื่อเปิด – ปิด เสมอผิวจราจร เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้รถมีผลกระทบน้อยที่สุดในช่วงเวลาก่อสร้าง
- ลดผลกระทบจากการขุดเปิดถนนด้วยการดึงท่อลอดถนน (Horizontal Directional Drilling หรือ HDD) บนผิวจราจร สำหรับงานนำสายไฟฟ้าแรงต่ำ โดยเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
นอกจากนี้ MEA ยังจัดตั้งศูนย์ประสานงานในพื้นที่ดำเนินโครงการฯ เพื่อเปิดช่องทางติดต่อสำหรับประชาชนในกรณีมีข้อร้องเรียน หรือความคิดเห็น พร้อมทั้ง MEA ยังได้วางมาตรการความปลอดภัยโดยตรวจสอบสภาพพื้นผิวถนนและทางเท้าในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างในช่วงเวลากลางวัน เพื่อความเรียบร้อย และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมโครงการที่จะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2562 ได้แก่
- โครงการปทุมวัน จิตรลดา พญาไท (เพิ่มเติม)
ถนนเพชรบุรี (แยกยมราช ถึง แยกอุรุพงษ์) ระยะทาง 0.2 กิโลเมตร รื้อถอนเสาไฟฟ้าแล้วเสร็จ เดือนมิถุนายนถนนนครสวรรค์ (แยกนางเลิ้ง ถึง คลองผดุงกรุงเกษม) ระยะทาง 0.3 กิโลเมตร รื้อถอนเสาไฟฟ้าแล้วเสร็จ เดือนสิงหาคม - โครงการถนนนานา (ช่วงถนนสุขุมวิท ถึง คลองแสนแสบ) รวมระยะทาง 0.75 กิโลเมตร รื้อถอนเสาไฟฟ้าแล้วเสร็จ เดือนสิงหาคม
- โครงการนนทรี (ถนนสาธุประดิษฐ์ ระยะทาง 1 กิโลเมตร รื้อถอนเสาไฟฟ้าแล้วเสร็จ เดือนพฤศจิกายน และถนนสว่างอารมณ์ ระยะทาง 1 กิโลเมตร รื้อถอนเสาไฟฟ้าแล้วเสร็จ เดือนพฤศจิกายน)
ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างกำลังดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบันมีระยะทาง 74.8 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการนนทรี โครงการพระราม 3 โครงการรัชดาภิเษก-พระราม 9 โครงการถนนวิทยุ โครงการรอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และโครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ)
นอกจากนี้ ปัจจุบัน MEA มีโครงการที่จะลงนามสัญญาก่อสร้างในปี 2562 รวมประมาณ 94.2 กิโลเมตร มูลค่าของสัญญากว่า 20,000 ล้านบาท อาทิ โครงการพื้นที่เมืองชั้นใน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ และโครงการร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภคอื่นๆ เพื่อสร้างมหานครแห่งอาเซียนตามนโยบายรัฐบาล
Source: ภาพ-ข่าว การไฟฟ้านครหลวง (MEA) @METROPOLITAN.ELECTRICITY.AUTHORITY