บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) โชว์เทคโนโลยีแมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในการทำนายและแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบต่อแอปพลิเคชันภายในองค์กรเป็นเจ้าแรกของไทย ภายใต้โซลูชันชื่อ “เอ็มดีเฟนซ์ เดอะ ฟิวเจอร์ ออฟ อินเทลลิเจนท์ โปรเทคชัน” (mDefense – The Future of Intelligent Protection) ที่พัฒนาต่อยอดมาจากซิสโก้ เททเทรชัน แพลตฟอร์ม (Cisco Tetration Platform)
ธนกร ชาลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) เปิดเผยว่า บริษัท เอ็มเฟค ได้พัฒนาโซลูชัน “เอ็มดีเฟนซ์ เดอะ ฟิวเจอร์ ออฟ อินเทลลิเจนท์ โปรเทคชัน” (mDefense – The Future of Intelligent Protection) ที่ใช้เทคโนโลยี แมชชีน เลิร์นนิ่ง (Machine Learning) ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในการทำนายและแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบต่อแอปพลิเคชันภายในองค์กรเป็นเจ้าแรกของไทย
เอ็มดีเฟนซ์ (mDefense) ได้พัฒนาต่อยอดจากซิสโก้ เททเทรชัน แพลตฟอร์ม (Cisco Tetration Platform) ของบริษัท ซิสโก้ ที่เปรียบเหมือนถังข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บบันทึกเหตุการณ์การใช้งานโครงข่ายและข้อมูลการใช้งานหรือเปรียบเป็นกล้องวงจรปิดขององค์กรที่สามารถนำมาดูย้อนหลังเพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ผิดปกติของการใช้งานโครงข่ายภายในได้ โดยเอ็มเฟคได้นำข้อมูลที่ได้จากซิสโก้เททเทรชัน แพลตฟอร์ม ที่มีการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ มาทำเป็นพรีดิกชั่น (Prediction) หรือการคาดการณ์เพื่อป้องกันผลกระทบอื่นที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจ
นอกจากนี้ เอ็มดีเฟนซ์ยังส่งผลการวิเคราะห์นี้ไปยังผู้ดูแลระบบให้สามารถอ่านและดูรายละเอียดจากจอแดชบอร์ด (Dashboard) ได้ชัดเจน เข้าใจง่ายต่อการแก้ไขและวางแผนป้องกันความเสียหายทางธุรกิจได้ทันท่วงที อีกทั้งเอ็มดีเฟนซ์ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของภัยคุกคามใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย ในขั้นถัดไปอาจมีการพัฒนาไปถึงการให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลระบบว่าควรใช้วิธีใดในการแก้ปัญหา ซึ่งจะมีประโยชน์แก่ผู้ดูแลระบบไปจนถึงผู้บริหาร
ธนกร กล่าวต่อว่า “เอ็มดีเฟนซ์เหมาะกับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีแอปพลิเคชัน ซอฟต์แวร์เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหากระบบแอปพลิเคชันเกิดความผิดปกติ ถูกโจมตี หรือมีข้อบกพร่อง จะเกิดความเสียหายทางธุรกิจจำนวนมาก โดยมุ่งที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องพึ่งพา Mission-Critical Application ทัง้ นี้ได้ตั้งเป้าหมายทางการตลาดที่จะสร้างยอดขายให้บริษัทถึง 500 ล้านบาทภายในปี 2562”