เอ็กโกเตรียมใช้งบลงทุน ราว 3 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพาจู ในเกาหลีใต้ และใช้ลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 โครงการ ในปี 2562 ได้แก่ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี ในสปป.ลาว โรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูรา ในฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปีนี้ และโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ในสปป.ลาว มีกำหนดเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 2565 และยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหลายโครงการในเอเชียแปซิฟิก ทั้งเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนและฟอสซิล และเตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลแข่งขันก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ตามแผน PDP 2018
บริษัทผลิตไฟฟ้า หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ตั้งงบไป 2562 กว่า 3 หมื่นล้านบาท เตรียมลุยพัฒนา 3 โครงการขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในมือ งบลงทุน 7,350 ล้านบาท ได้แก่โรงไฟฟ้า ไชยะบุรี ในสปป.ลาว 850 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูราในฟิลิปปินส์ 4,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และอีกหนึ่งโครงการคือโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ในลาว อีก 2,500 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 2 ของปี 2565
โดยงบลงทุนดังกล่าวยังไม่นับรวมโครงงการใหม่ที่กำลังจะเข้าลงทุนในอนาคตและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โดยปัจจุบัน เอ็กโก ยังอยู่ในระหว่างเจรจาขอเข้าซื้อกิจการในเอเซียแปซิฟิก และคาดว่าจะได้ข้อสรุป 2 โครงการภายในปีนี้ ทั้งเชื้อเพลิงหมุนเวียนและฟอสซิล ซึ่งในส่วนนี้เตรียมเงินพร้อมเข้าลงทุนแล้วที่ 1.5 หมื่นล้านบาท
โดย เอ็กโก ตั้งเป้าอัตราเติบโตกำไรเฉลี่ยในช่วง 4-5 ปีนี้ไว้ที่ ปีละ 5-6% ซึ่งจะมีทั้งการแสวงหาโอกาสเพิ่มจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่จะทำให้เกิดรายได้เข้ามาทันที และการพัฒนาโครงการใหม่ๆ (GreenField) ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี และจะมุ่งเน้นการลงทุนโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยใน 4-5 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้จากในประเทศและต่างประเทศจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 50:50 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนในประเทศอยู่ที่ 60.88% และต่างประเทศที่ 39.12%
นอกจากนี้ เอ็กโกยังมอบหมายให้ทีมงานเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลแข่งขันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ตามแผนกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี 2561-2580 หรือ PDP 2018 โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาโอกาสทางธุรกิจในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC ซึ่งประเด็นสำคัญนั้นจะต้องการพันธมิตรที่มีความพร้อมทางธุรกิจต่างๆ ที่ไม่ใช้ธุรกิจไฟฟ้าซึ่งบริษัทมีความเชียวชาญอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะได้รับความชัดเจนของผลการศึกษาการพัฒนาพื่นที่โรงไฟฟ้า จ.ระยอง ที่หมดอายุไปตั้งแต่ 2557 เพื่อจัดทำเป็นนิคมอุตสาหกรรม บนเนื้อที่ 500 ไร่ โดยเบื้องต้นจะศึกษาเรื่องของสมาร์ท ซิตี้ ให้สอดรับกับทิศทางโลกในอนาคต
สำหรับความคืบหน้าการจัดทำสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (LNG) กับทางกลุ่ม SK E&S จากประเทศเกาหลีใต้นั้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีความร่วมมือในเรื่องของธุรกิจไฟฟ้าไปแล้ว คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้รับสิทธิการจัดการและนำเข้า LNG ราว 5 ล้านตันต่อปี และจะนำเข้าอีก 1.5 ล้านตันต่อปีในปี 2562
สำหรับในส่วนผลประกอบการของเอ็กโก กรุ๊ป ในปี 2561 นั้น ดีกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 21,073 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 9,255 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% โดยหากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 23,372 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 14,104 ล้านบาท หรือ 152% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากกำไรจากการขายสินทรัพท์ 3 แห่ง จำนวน 14,177 ล้านบาท ได้แก่การขายหุ้นที่ถือทั้งหมดจาก บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก บจ.จีเดค และ บจ.มาซินลอค พาวเวอร์พาร์ทเนอร์ และมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 9,195 ล้านบาทลดลง 73 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าเดินเครื่องในเชิงพาณิชย์แล้ว 27 โรง จาก 6 ประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 5,154 เมกะวัตต์