คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ออกมาตรการเร่งรัดการลงทุนเพื่อให้โรงกลั่นน้ำมันปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 โดยจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 รายในประเทศ เร่งการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันจากมาตรฐานยูโร 4 ในปัจจุบัน เป็นมาตรฐานยูโร 5 เพื่อลดค่าฝุ่นละออง PM2.5 และมลพิษสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน ทั้งนี้จะต้องยื่นขอรับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการนี้ ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ซึ่งตามแผนของกระทรวงพลังงานในปี 2566 ทุกสถานีบริการและโรงกลั่นน้ำมัน จะต้องผลิตน้ำมันและขายน้ำมันยูโร 5 ได้ครบทั้งหมด 100%
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมบอร์ด BOI ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาออกมาตรการเร่งรัดการลงทุน ให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 โดยจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นทั้ง 6 รายในประเทศ ปรับปรุงมาตรฐานน้ำมันจากยูโร 4 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นมาตรฐานยูโร 5 เพื่อลดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 และมลพิษสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
โดยผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักที่ใช้ในการปรับปรุงคคุณภาพน้ำมัน โดยผู้ประกอบการที่สนใจรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว จะต้องยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยล่าสุดมีโรงกลั่น 2 รายที่ได้ปรับปรุงลงทุนอุปกรณ์เพื่อลดกำมะถันแล้ว และคาดว่าอีก 4 รายจะมีการขอรับการลงทุนหลังจากนี้ มูลค่าการลงทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เมื่อรัฐมีมาตรการสนับสนุนออกมา จากนี้โรงกลั่นน่าจะเตรียมพร้อมที่จะลงทุน และในอีก 2 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตยูโร 5 ของโรงกลั่นทั่งหมดจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของความต้องการการใช้น้ำมันดีเซลทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 65 ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้นตามแผนของกระทรวงพลังงาน ในปี 2566 ทุกสถานีน้ำมันและโรงกลั่นทั้งหมด 6 โรงภายในประเทศ ได้แก่ โรงงานกลั่นไทยออยล์ โรงกลั่น IRPC โรงกลั่นเอสโซ่ โรงกลั่น PTTGC จะต้องผลิตน้ำมันและขายน้ำมันยูโร 5 ได้ครบทั้ง 100%
สำหรับความคืบหน้า การตอบรับมาตรการภาครัฐของฝั่งโรงกลั่นนั้น ปตท. มีโรงกลั่น 3 โรง ขณะนี้พีทีทีจีซีสามารถผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้แล้ว ส่วนด้านไทยออยล์ได้เริ่มปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อให้สามารถผลิตน้ำมันเกรดมาตรฐานยูโร 5 ได้ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและสามารถผลิตได้ในเวลา 5-6 ปี ส่วนโรงกลั่น IRPC อยู่ในระหว่างการศึกษาโมเดลไปพร้อมกับการเตรียมเงินลงทุนดำเนินการปรับปรุงน้ำมันยูโร 5 ขนาดทุนประมาณ 1 พันล้านบาท โดยแม้มาตรการสนับสนุนจาก BOI จะต้องยื่นภายในปี 2562 และหากผลการศึกษาของทาง IRPC ไม่แล้วเสร็จ และยื่นการขอรับการส่งเสริมไม่ทันก็ไม่เป็นไร เพราะคาดว่ารัฐน่าจะมีการผ่อนผันหรือขยายระยะเวลาให้
ขณะที่ฝั่งบางจาก มีแผนศึกษาเพื่ออัพเกรดแพลนต์ผลิตนำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 จำนวน 2 แห่ง คือ แพลนต์ 2 และแพลนต์ 3 โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางการลงทุน และเสนอขอรับการสนับสนุนการลงทุนจาก BOI ได้ทันระยะเวลาที่เปิดให้ยืนในปีนี้แน่นอน และหลังจากได้ข้อสรุปจะดำเนินการประมูลและก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลารวม 3-4 ปี จึงจะสามารถผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ได้
ด้านฝั่งเอสโซ่ เผยว่า มาตรการส่งเสริมสนับสนุนจาก BOI ที่ให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร เพื่อการปรับปรุงมาตรฐานน้ำมันยูโร 5 นับเป็นสิ่งที่ดี โดยในขณะนี้ทางเอสโซ่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ล่าสุดทางกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพลังงานได้หารือถึงความร่วมมือในการกำหนดมาตรฐานเครื่องยนให้รองรับการนำน้ำมันยูโร 5 มาใช้ โดยจะมีการกำหนดด้านความปลอดภัยและชิ้นส่วนหลัก เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ ระบบประจุ เต้ารับเต้าเสียบ ระบบขับเคลื่อนและระบบสื่อสาร ซึ่งมาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ดังกล่าว จะบังคับใช้ให้ครบคลุม ทั้งรถใหม่ที่ผลิตภายในประเทศ รวถึงรถที่นำเข้า รถใหม่ทุกรุ่นทุกคันในปี 2564