แรงกดดันทางธุรกิจเกิดในทุกปี ไม่ว่าจะเป็นยอดขายลดลง การตัดราคาของคู่แข่ง การผลิตที่ล้นเกินกว่าการบริโภค ความไม่แน่นอนของราคาและการเข้าถึงวัตถุดิบสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ยากจะควบคุมหรืออาจจะควบคุมไม่ได้เลย บริษัทหรือกิจการที่สามารถดำรงอยู่อย่างมีผลกำไร ต้องมีความแข็งแกร่งภายในเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ยาก และต้องรักษาอย่างเหนียวแน่น ความแข็งแกร่งภายในไม่ว่าจะเป็น
1) มีโมเดลทางธุรกิจที่สามารถดูดซับโอกาสทางธุรกิจได้ดี
2) มีความได้เปรียบ เช่น เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ที่ตั้ง และมีภาพลักษณ์ที่เลียนแบบได้ยาก
3) มีความสามารถในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้ดีและรวดเร็ว
4) มีทีมงานที่อุทิศตัวต่อองค์กรและความมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
หากท่านไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ควรทบทวนแล้วว่า ความแข็งแกร่งที่สามารถพัฒนาขึ้นคืออะไรปัจจุบันมีปรากฏการณ์ Disruption โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิสรัปชัน ซึ่งมันไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่มันส่งผลต่อวิธีคิดและพฤติกรรม การย้ายหรือปรับเปลี่ยนช่องการขาย (Sale Channel) และตำแหน่งการขาย (Point of Sale) ส่งผลอย่างมากในเชิงธุรกิจ การรวมตัวของผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะใช้ส่วนตัวหรือใช้ทางธุรกิจ ผูกผนวกรวมกับการจับกลุ่มเข้ากับวีธีคิดและความต้องการแบบเดียวกัน การรวมตัวของผู้ขาย ผู้ผลิต กลับยังไม่เห็นมากนัก อาจเนื่องจากพื้นฐานของการแข่งขันเป็นปัจจัยต่อต้าน แต่ในทัศนะของผู้เขียน สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น เราสามารถคาดการณ์อนาคตได้จากเทคโนโลยีและแนวโน้มการใช้งาน เช่น การผ่านยุค Internet มาแล้วต่อยอดมาเป็น Social community disruption อื่นๆ เช่น Block chain และ VR-AR รวมกับ Human like Robot กำลังก้าวเข้ามาอย่างแน่นอน
ในธุรกิจที่เราดำรงอยู่คงต้องพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เครื่องจักรที่ผลิตสินค้าได้แตกต่างกัน (Variety Products, Small Lot Size) มุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ การตอบสนองต่อผู้บริโภคที่มีความเป็นปัจเจกมากขึ้น (Individualism) ระบบการผลิตที่เชื่อมโยงกับระบบการบริหารการผลิต (Manufacturing Execution System) และระบบการจัดการทรัพยากร (Enterprise Resource Planning) จะสามารถตอบรับและยืนยันข้อมูลการผลิตหลังจากลูกค้าทำการยืนยันความต้องการแบบทันที หรือการรับมือกับข้อผิดพลาดจากการผลิต หรือการปรับปรุงคุณภาพด้วยระบบบันทึกข้อมูลการผลิตอย่างมีโครงสร้าง (Cyber Physical System) เพื่อสนับสนุนฐานการใช้งานอย่างการสอบย้อน (Traceability) หรือการวัดผลในระบบ IoT เช่น การดูประสิทธิภาพรวม (Overall Equipment Effi ciency ) ทั้งหมดนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่จะตัดสินการดำรงอยู่ในอนาคต
การลดต้นทุนด้วยการใช้หุ่นยนต์ การลดของเสีย แน่นอนว่ามีความสำคัญและส่วนลดโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต แต่การมีแค่นี้ไม่สามารถตอบโจทย์การอยู่รอดในอนาคต การตอบสนองต่อความต้องการและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างหากที่จะทำให้ธุรกิจของท่านดำรงอยู่ในอีก 10 ปีหรือ 50 ปีข้างหน้า
Source: นิตยสาร Electricity & Industry Magazine ปีที่ 26 ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน-ธันวาคม 2562
โดย บริษัท ออมรอน อีเลคทรอนิคส์ จำกัด