บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ในเครือดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาต้าโซลูชั่น และดิจิตอลแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยมีบริการดาต้าเซนเตอร์ 4 แห่ง บริการไฟเบอร์ออพติก (FTTx) และได้เข้าถือหุ้นในเข้าถือหุ้นในบริษัท Supernap Thailand ตลอดจนมีการลงทุนด้านดิจิตอลอินฟราสตรักเจอร์ เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเชิงอัจฉริยะของลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ได้เปิดดาต้าเซ็นเตอร์ 1 ใน 4 แห่ง โดย ไกรทส องค์ชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ธุรกิจในกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ต้องการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อสนองรับนโยบายรัฐบาลในด้าน EEC (Eastern Economic Corridor) โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตามการส่งเสริมและสนับสนุน New S-curve ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมจะเกี่ยวเนื่องกับด้านดิจิทัล ดังเช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ทุกวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกกำลังก้าวหน้าขึ้นทุกขณะ หากผู้ประกอบการใดไม่ปรับตัวอาจจะทนรับแรงปั่นป่วนจากกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ยาก ซึ่งเป็นที่มาที่ธุรกิจทุกภาคอุตสาหกรรมควรจะต้องวางนโยบาย ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ซึ่งดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท เป็นส่วนหนึ่งของการนำลูกค้าก้าวไปสู่การปฏิวัติการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการ สัญญาณสื่อสารความเร็วสูง ที่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Robotics, AI, IoT, Cloud Computing, Big Data โดยมีเป้าหมายภายในปี 2024 จะเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ครบวงจร (Iaas, PaaS, SaaS) และเป็นผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ด้านเฮลธ์แคร์ของโลก ดังนั้น ในการออกแบบและสร้างดาต้าเซ็นเตอร์จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีระดับโลกที่ดีที่สุดเพื่อรองรับในวันนี้และอนาคต
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จึงได้เสริมศักยภาพเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับธุรกิจดิจิทัล โดยเลือกแพลตฟอร์มอีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ (EcoStruxure™for Data center) ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค สนับสนุนการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับท็อปเทียร์ ของดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ถึง 2 แห่ง เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทั้งสัปดาห์ โดยอีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure™) ให้การมองเห็นการทำงานของระบบที่ครบถ้วน ทั้งข้อมูลเชิงลึกเพื่อลดความเสี่ยงและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 15%
“ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ใช้ อีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ด้วยแพลตฟอร์มที่มีนวัตกรรมครบวงจรทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ (Connected Products) ระบบควบคุมปลายทาง (Edge Control) และในระดับแอปพลิเคชั่น การวิเคราะห์ รวมถึงการบริการ (Apps/Analytics/ Services) ให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ในการให้บริการแก่ธุรกิจในเครือของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมถึงลูกค้าทั้งในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ และลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ต้องการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ดิจิทัล นอกจากนี้ยังเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ใช้บริการ Critical Facility Operations จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค อีกด้วย”
ไกรทส กล่าวเพิ่มเติมว่า “โซลูชั่น อีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้สามารถควบคุมดูแลกระบวนการทำงานต่างๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบผ่านโครงสร้างของอีโคสตรัคเจอร์ ในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ไปจนถึงระดับระบบควบคุมปลายทาง ที่ใช้งานง่าย มีความคล่องตัวและปลอดภัย ด้วยความสามารถในการมอนิเตอร์และรับการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทดีไวซ์ต่าง ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ในระดับของแอปพลิเคชั่น การวิเคราะห์ และการบริการ ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ใช้ อีโคสตรัคเจอร์ แอสเสท แอดไวเซอร์ (EcoStruxure Asset Advisor) ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ จากข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ ช่วยในการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์และรวมไปถึงการแจ้งเตือนอัจฉริยะส่งตรงถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริคยังให้บริการ Critical Facility Operations ซึ่งเป็นบริการที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ดำเนินการ และการแก้ไขปัญหาให้แก่ดาต้าเซ็นเตอร์ของดับบลิวเอชเอ 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 4 แห่ง เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการวันละ 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมรายงานและการรับประกันตามมาตรฐานระดับโลก ซึ่งในภาพรวมสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้ถึง 15% และช่วยให้ระบบมีความพร้อมใช้งานแบบ 100%”
อนึ่ง บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป) ถือเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชั่นครบวงจรด้าน โลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมของไทย โดยธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล แพลตฟอร์ม ด้วยบริการโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับลูกค้า ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรม