กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ จับมือพันธมิตรลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว กำลังการผลิตกว่า 1 พันเมกะวัตต์ พร้อมเล็งขยายโรงงานไฟฟ้าเพิ่มในเวียดนามและโอมาน และเตรียมประมูลโรงไฟฟ้าในไทยภายใต้แผน PDP 2018 แย้มปีนี้ตั้งเป้ารายได้ใหม่ 3.3 หมื่นล้านบาท คาดโตกว่าปีที่ผ่านมา 50% เนื่องจากการรับรู้โรงไฟฟ้าใหม่เพิ่ม
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยแผนการขยายธุรกิจในอนาคต ว่าบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรธุรกิจเพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว กำลังการผลิตกว่า 1 พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า รวมทั้งแสวงหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งที่เวียดนามยังคงมีความต้องการใช้งานไฟฟ้าเพิ่ม โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้จับมือกลุ่ม TTC ซึ่งเป็นพันธมิตรในท้องถิ่น ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 460 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังขยายโอกาสการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศโอมานอีกไม่ต่ำกว่า 326 เมกะวัตต์ เพื่อป้อนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะเกิดขึ้น โดยเข้าร่วมลงทุนร่วมกับพันธมิตถือหุ้นที่ 45% ในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาดกำลังการผลิต 326 เมกะวัตต์ และขายน้ำจืด 1,667 ลูกบาศก์เมตร์/ชั่วโมง ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Duqm เพื่อป้อนให้กับโรงกลั่นน้ำมันขนาด 2.3 แสนบาเรล/วัน คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟได้ในช่วงปี 2563-2565 ส่วนในประเทศไทยนั้น กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า PDP 2018 ที่รัฐจะเปิดให้ประมูล กำลังการผลิตรวม 8,300 เมกะวัตต์
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯคาดผลการดำเนินงานในปี จะมีรายได้รวม 3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่ 7 โรง ที่มีกำลังการผลิตรวม 638 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นโรงไฟฟ้า SPP ในประเทศ 4 โรง กำลังการผลิต 519 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่ลงทุนในประเทศเวียดนามอีก 3 โรง กำลังการผลิตรวม 119-150 เมกะวัตต์ ทำให้ในสินปีนี้ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 5,919 เมกะวัตต์