กระทรวงพลังงาน สั่งการให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เร่งเจรจากับ ราชบุรีโฮลดิ้ง สร้างทดแทน ไตรเอนเนอจี้ 700 เมกะวัตต์ ที่จะหมดอายุในปี 2563 พิจารณาเงื่อนไขการสร้างโรงไฟฟ้าภาคตะวันตก 2 โรง กำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ ป้อนระบบในช่วงปี 2567-2568
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผย นายศิริร จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สั่งการผ่านที่ประชุมคณะกกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อเร็วๆ นี้ ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กพพ.) ไปพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดรูปแบบและเงื่อนไขการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี 2561-2580 หรือ แผนพีดีพีฉบับใหม่ (PDP 2018)
โดยกำหนดให้ในปี 2567-2568 ภาคตะวันตกจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าใหม่เกิดขึ้น 2 โรง รวมกำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ โดยโรงแรกจะเป็นการก่อสร้างทดแทนโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาในเดือนกรกฎาคม 2563
ทั้งนี้ให้ กกพ. เร่งพิจารณารายละเอียดต่างๆ ในการเจรจากับบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ที่เป็นผู้ประกอบการรายเดิม ที่มีความพร้อมด้านพื้นที่และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะดำเนนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้เสร็จทันตามแผนหรือจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COC) ในปี 2567 ได้ทัน ส่วนอีกโรงงานไฟฟ้าหนึ่งคือเป็นแห่งใหม่ อีก 700 เมกะวัตต์นั้น กกพ. จะต้องไปศีกษาว่าะเป็นการเปิดประมูลหรือไม่ หรือจะดำเนินการเปิดเจรจาไปพร้อมๆ กับการสร้างโรงไฟฟ้าแทดแทนไตรเอนเนอจี้ โดยทั้งสองแห่งต้องมีเงือนไขสำคัญ คือ ต้นทุนค่าไฟต้องถูกลง หรือไม่กระทบต่อฐานค่าไฟฟ้าตลอดแผน PDP ฉบับใหม่ ที่กำหนดไว้ที่ 3.58 บาทต่อหน่วย
ขณะที่นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การผลิตไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. กล่าวว่าทาง กฟผ. ได้สั่งการให้บริษัทลูก คือ บริษัทผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เตรียมความพร้อมเข้าร่วมประมูลแข่งขัน หากภาครัฐเปิดประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของโรงไฟฟ้าใหม้ ในส่วนโรงไฟฟ้าภาคตะวันตกที่คาดจะเริ่มดำเนินการได้เร็วที่สุด ตามแผนพีดีพีฉบับใหม่