ศูนย์ Transparency แห่งแรกของ Kaspersky ในกลุ่ม APAC


Kaspersky บริษัทด้าน Cybersecurity ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 Kaspersky มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยจากภัยคุกคามทางดิจิทัลซึ่งนับวันจะมีความรุนแรงขึ้น บริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปกป้องธุรกิจของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ลูกค้าของ Kaspersky มีทั้งที่เป็นหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน

ศูนย์ Transparency แห่งแรกของ Kaspersky ในกลุ่ม APAC

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Kaspersky ได้เปิด ศูนย์ Transparency แห่งแรกใน APAC ณ Cyberjaya ประเทศมาเลเซีย โดยร่วมมือกับทาง CyberSecurity Malaysia ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงและปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของมาเลเซีย ซึ่งศูนย์แห่งนี้เป็นศูนย์ Transparency แห่งที่ 3 ของ Kaspersky โดยแห่งแรกตั้งอยู่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แห่งที่ 2 ตั้งที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Global Transparency Initiative

การเปิดศูนย์ให้บริการใน APAC ครั้งนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Kaspersky มากขึ้น โดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์แห่งนี้เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงใช้บริการการวิเคราะห์ภัยคุกคามเพื่อความปลอดภัย และทดสอบความปลอดภัยของแอปพลิเคชันได้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของภัยคุกคามต่อองค์กรและผลิตภัณฑ์ระดับองค์กรของ Kaspersky อาทิ Kaspersky Internet Security (KIS) Kaspersky Endpoint Security (KES) และ Kaspersky Security Center (KSC)

การเปิดศูนย์ให้บริการใน APAC ครั้งนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Kaspersky มากขึ้น โดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์แห่งนี้เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงใช้บริการการวิเคราะห์ภัยคุกคามเพื่อความปลอดภัย และทดสอบความปลอดภัยของแอปพลิเคชันได้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของภัยคุกคามต่อองค์กรและผลิตภัณฑ์ระดับองค์กรของ Kaspersky อาทิ Kaspersky Internet Security (KIS) Kaspersky Endpoint Security (KES) และ Kaspersky Security Center (KSC)

Eugene Kaspersky, CEO of Kaspersky กล่าวว่า “มาเลเซียถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคแห่งนี้จึงมีความยินดีมากที่ได้มาตั้งศูนย์ Transparency แห่งที่ 3 ของเราที่นี่ การตั้งศูนย์แห่งนี้เพื่อเป็นการยืนยันกับทางลูกค้าของเราว่า เราให้ความสำคัญกับประเทศในกลุ่ม APAC มาก และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าสินค้าของเรามีความน่าเชื่อถือและสามารถป้องกันภัยคุกตามทางไซเบอร์ได้ 100% ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้นโยบาย Global Transparency Initiative ของเรา ซึ่งการดำเนินการในขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างน่าพอใจ”

Eugene Kaspersky, CEO of Kaspersky

ส่วน Dato ’Ts Ds. Amirudin Abdul Wahab, CEO of CyberSecurity Malaysia กล่าวว่า “ขณะนี้ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น การร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้นจึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่แสดงถึงความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำให้อุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความแข็งแกร่งขึ้น และด้วยความร่วมมือนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีหน่วยงานอื่น ๆ ดำเนินการเช่นเดียวกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนและอุตสาหกรรมไซเบอร์เป็นสำคัญนั่นเอง”

Dato ’Ts Ds. Amirudin Abdul Wahab, CEO of CyberSecurity Malaysia

อนึ่ง CyberSecurity Malaysia เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติภายใต้ขอบเขตของกระทรวงการสื่อสารและมัลติมีเดียมาเลเซีย (KKMM) ไซเบอร์ซีเคียวริตี้มาเลเซียมุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการที่นำนวัตกรรมทางไซเบอร์ความปลอดภัยโปรแกรม เพื่อช่วยลดช่องโหว่ของระบบดิจิทัล ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อมาเลเซียในโลกไซเบอร์ด้วย

ด้าน Stephan Neumeier, Managing Director for Asia Pacific at Kaspersky กล่าวว่า “การตั้งศูนย์ครั้งนี้เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าและผู้สนใจได้สัมผัสกับบริการและความสามารถของเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Kaspersky ซึ่งเป็นแห่งแรกของภูมิภาคนี้ เพราะเราเชื่อมั่นว่าที่แห่งนี้จะเป็นฮับด้านดิจิทัลในภูมิภาค และเราได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากไซเบอร์ซีเคียวริตี้มาเลเซีย ขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นที่มีให้กับเรา เราเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและเอกชนนี้จะช่วยปกป้องผู้ใช้จากอาชญากรรมไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น”

Stephan Neumeier, Managing Director for Asia Pacific at Kaspersky

ทั้งนี้ โครงการ Global Transparency Initiative มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากพันธมิตรและผู้มีส่วนได้เสียของรัฐบาลสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Kaspersky มีการประกาศมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 โดยบริษัทมีการดำเนินการคืบหน้าหลายประการ อาทิ

  • เริ่มย้ายฐานข้อมูลลูกค้า และโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลสำหรับผู้ใช้ชาวยุโรปจากรัสเซียไปยังเมืองซูริคประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2562 นี้
  • เปิดศูนย์ Transparency ถึง 2 แห่งในยุโรป คือที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561) และที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน (เมื่อเดือนมิถุนายน 2562) ศูนย์ที่สเปนยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบรรยายสรุปสำหรับผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญของบริษัทด้วย
  • ประสบผลสำเร็จในการดำเนินการ Service Organization Control for Service Organizations รายงานขั้นสุดท้ายที่ออกโดยบริษัทบัญชีหนึ่งใน Big Four ยืนยันว่าการพัฒนาและการเปิดตัวฐานข้อมูลกฎการตรวจจับภัยคุกคามของ Kaspersky (ฐานข้อมูล AV) ได้รับการปกป้องจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวด
  • นับตั้งแต่มีการรายงานถึงช่องโหว่ต่าง ๆ ก็มีการดำเนินการพัฒนาโปรแกรม Bug Bounty มาโดยตลอด จนได้รับรางวัล นอกจากนี้บริษัทยังสนับสนุน theio framework ที่ให้บริการ Safe Harbor สำหรับนักวิจัย ซึ่งมีความกังวลเกี่ยวกับผลทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการค้นพบช่องโหว่ด้วย

Kaspersky ได้ประกาศเมื่อปี 2560 ในการประชุมความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ประเทศกัมพูชาว่า บริษัทจะเปิดศูนย์ Transparency ขึ้นทั่วโลก และได้ดำเนินการมาแล้ว 2 แห่งคือที่เมืองซูริก ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกรุงมาดริด ประเทศสเปน การเปิดที่ประเทศมาเลเซีย จึงเป็นแหล่งที่ 3 และเป็นแห่งแรกสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีเป้าหมายหลักคือการกำจัด Balkanisation ในโลกไซเบอร์ ซึ่งด้วยภัยคุกคามนี้ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันขึ้น มีการสร้างกฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ของตนเองขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง อย่างไรก็ตาม ในโลกที่เชื่อมต่อกันเช่นนี้ แผนการรักษาความปลอดภัยที่กระจัดกระจายนั้นอาจหมายถึงการเปิดโอกาสให้ถูกโจมตีได้ง่ายขึ้นก็ เป็นได้

ดังนั้น การเปิดศูนย์ Transparency จึงเป็นการตัดตอนการเชื่อมโยงอาชญากรรมไซเบอร์โดยศูนย์แต่ละศูนย์จะดูแลการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลของลูกค้าในยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมทั้งจะมีการเพิ่มประเทศอื่น ๆ ในรายการนี้ โดยศูนย์เหล่านี้จะจัดการการรวบรวมซอฟต์แวร์ก่อนจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วโลก

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kaspersky.com/about/transparency


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save